Daily Archives: December 4, 2021

เตาฮีด

บาปกำเนิด ตามหลักเทววิทยาศาสนาคริสต์ คือสถานภาพความมีบาปของมนุษย์ซึ่งเป็นผลมาจากการตกในบาปของอาดัมและเอวา คำว่า “บาปกำเนิด” ไม่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิล แต่พบในเอกสารที่เชื่อว่าเป็นจดหมายของนักบุญเปาโลการตกในบาป หมายถึงการเปลื่ยนแปลงเป็นครั้งแรกของมนุษย์จากสภาวะของความบริสุทธิ์ที่เชื่อฟังพระเจ้าไปเป็นสภาวะของความรู้สึกผิดเพราะความไม่เชื่อฟังในพระเจ้า ในบาปกำเนิด ในศาสนาคริสต์, มนุษย์คนแรกอาดัมและเอวาเมื่อแรกเริ่มอาศัยอยู่กับพระเจ้าภายในสวรรค์ แต่มาถูกล่อลวงโดยงูให้กินผลไม้จาก “ต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว” (Tree of Knowledge of Good and Evil) ซึ่งพระเจ้าทรงสั่งห้ามไว้ว่าไม่ให้แตะต้อง หลังจากที่กินเข้าไปแล้วก็เกิดความละอายในความเปลือยเปล่าของร่างกาย และในที่สุดก็ถูกการตกในบาปโดยพระเจ้า การถูกการตกในบาปมิได้กล่าวถึงโดยตรงในคัมภีร์ไบเบิล แต่กล่าวถึงทั้งเรื่องของความไม่เชื่อฟังและการถูกขับไล่ ในศาสนาอื่นเช่นศาสนายูดาห์, ศาสนาอิสลาม หรือ ไญยนิยม (Gnosticism) ตีความหมายของการถูกการตกในบาปต่างกันไป

jumbo jili


ในเทววิทยาศาสนาคริสต์, “การถูกขับจากสวรรค์” มีความหมายที่กว้างหมายถึงมวลมนุษย์ผู้มาจากบาปของอาดัมและเอวาที่เรียกว่า “บาปกำเนิด” (original sin) เช่นในคำสอนของนักบุญพอลแห่งทาซัสที่บันทึกไว้ใน จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม 5:12-19 และ จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่ 1 15:21-22 ผู้นับถือศาสนาคริสต์บางคนเชื่อว่า “การถูกขับจากสวรรค์” เป็นการทำความเสียหายให้แก่ธรรมชาติของโลกทั้งหมดโดยเฉพาะธรรมชาติของมนุษย์ ทำให้มนุษย์เกิดมาพร้อมกับบาปกำเนิด ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่ทำให้สามารถมีชีวิตชั่วนิรันดรโดยไม่ต้องให้พระเจ้าเข้ามาช่วย ผู้นับถือนิกายโปรเตสแตนต์เชื่อว่าความตายของพระเยซูเป็น “ค่าไถ่” ซึ่งทำให้มนุษย์ปราศจาก “บาปกำเนิด” ที่เกิดจาก “การถูกขับจากสวรรค์” ตลอดไป นิกายอื่น ๆ เชื่อว่า “การถูกขับจากสวรรค์” ทำให้มนุษย์มีอิสระจากบาปโดยมิต้องหาทางแก้บาปอีก คำว่า “ปราศจากบาป” (prelapsarian) หมายถึง สภาวะที่เป็นอิสระจากความมีบาปก่อน “การถูกขับจากสวรรค์” หรือบางครั้งก็เป็นคำที่ใช้ในการรำลึกถึงเวลาในอดีตที่แตกต่างไปจากปัจจุบัน หรือสถานะการณ์ที่เรียกว่า “คำนึงถึงความหลัง” (nostalgia)

สล็อต


อาดัม (ฮีบรู: אָדָם‎; แอราเมอิก: ܐܕܡ; อาหรับ: آدم‎; อังกฤษ: Adam) เป็นมนุษย์คนแรกที่พระยาห์เวห์ทรงสร้างขึ้นจากดิน ตามคติของศาสนาอับราฮัม ปรากฏทั้งในคัมภีร์ฮีบรู คัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม และอัลกุรอาน ตามคติของศาสนาคริสต์และศาสนายูดาห์ อาดัมเป็นเพียงมนุษย์คนแรกของโลก แต่ตามคติของอิสลามอาดัมยังเป็นนบีท่านแรกของอัลลอฮ์ด้วย อาดัมและภรรยาชื่อเอวา เดิมพระเจ้าประทานอยู่ในสวนเอเดน ต่อมาภายหลังถูกซาตานหลอกลวงให้ประพฤติผิด เกิดเป็นบาป ทำให้ถูกไล่จากสวนเอเดน

สล็อตออนไลน์


กำเนิดเอวา เมื่อพระเจ้าทรงสร้างอาดัมมนุษย์ผู้ชายขึ้นมาแล้ว ทรงเห็นว่ายังไม่มีคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมกับเขา จึงทรงกระทำให้เขาหลับไปและทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูกอย่างเดิม ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิงแล้วทรงนำมาให้ชายนั้น ชายนั้นจึงว่า “นี่‍แหละ กระ‌ดูก​จาก​กระ‌ดูก​ของ​เรา เนื้อ​จาก​เนื้อ​ของ​เรา จะ​เรียก​คน​นี้​ว่า​หญิง เพราะ​คน​นี้​ออก​มา​จาก​ชาย” แรกเริ่มทั้งผู้ชายและผู้หญิงเปลือยกายกันอยู่ไม่อายกัน เพราะยังมีจิตใจบริสุทธิ์

jumboslot


เอวา (ฮีบรู: חַוָּה‎‎, Ḥawwāh; อังกฤษ: Eve อีฟ) เป็นผู้หญิงคนแรก ที่หนังสือปฐมกาลบันทึกไว้ โดยคำว่า เอวา เป็นคำมาจากภาษาฮีบรู แปลว่า มีชีวิตอยู่ ตามบันทึกพระคัมภีร์ มนุษย์ผู้หญิงถูกตั้งชื่อว่า เอวา หรือ อีฟ เพราะนางเป็นมารดาของปวงชนที่มีชีวิต ภาษาอาหรับเรียกว่า เฮาวาอ์ กำเนิดเอวา เมื่อพระยาเวห์ทรงสร้าง อาดัม มนุษย์ผู้ชายขึ้นมาแล้ว ทรงเห็นว่ายังไม่มีคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมกับเขา จึงทรงกระทำให้เขาหลับไป และทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูกอย่างเดิม ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น ชายนั้นจึงว่า นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเปลือยกายกันอยู่ไม่อายกัน

slot

ตัฟซีร

ในศาสนาคริสต์ บาป (อังกฤษ: sin; ฮีบรู: חָטָא‎ khatah ทำผิด) คือการไม่บรรลุถึงความครบถ้วนแห่งกฎหมายอันชอบธรรมที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมสำหรับมนุษย์ (กฎทางศีลธรรม) การไม่บรรลุเช่นนั้น ยังผลให้มนุษย์ตกเข้าสู่แนวทางการดำเนินชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ ความไม่สมบูรณ์อันเป็นผลจากบาปได้เป็นเหมือนนายที่กดขี่เขา ให้อยู่ในสภาพเป็นทาส สภาพเช่นนั้นคือ ความบกพร่องของทั้งจิตวิญญาน (ทั้งหมดในตัวบุคคล) ที่ต้องเสื่อมลงทุกด้าน และที่สุดคือ ความตาย ดังที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่า “เพราะ‍ว่าค่า‍จ้างของบาปคือความตาย”

jumbo jili


จุดเริ่มต้นของบาป ณ สวนเอเดน อันเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์คู่แรก ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงจัดเตรียมให้ พระองค์อนุญาตให้เขากินผลไม้ทุกอย่างในสวนได้ แต่มีต้นหนึ่งที่อยู่กลางสวน เป็นต้นไม้ที่ให้รู้จักความดีและชั่ว พระองค์ทรงสงวนไว้จากมนุษย์คู่แรก โดยบัญชาแก่เขาว่า “แต่ผลของต้น‍ไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่” อย่างไรก็ดี อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เอวากำลังมองดูผลจากต้นไม้นั้น เธอก็ได้ยินเสียงพูดมาจากงูตัวหนึ่ง ถามกับเธอว่า “จริงหรือ? ที่พระ‍เจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวก‍เจ้ากินผลจากต้น‍ไม้ทุกต้นในสวนนี้’” เอวาจึงตอบงูว่า “ผลของต้น‍ไม้ในสวนนี้เรากินได้ เว้น‍แต่ผลของต้น‍ไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระ‍เจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวก‍เจ้ากินและถูก‍ต้องเลย มิ‍ฉะนั้นพวก‍เจ้าจะตาย’” งูจึงหลอกเอวาโดยพูดว่า “พวก‍เจ้าจะไม่ตายแน่ เพราะพระ‍เจ้าทรงทราบอยู่ว่า พวก‍เจ้ากินผลจากต้น‍ไม้นั้นวัน‍ใด ตาของพวก‍เจ้าจะสว่างขึ้นในวัน‍นั้น แล้วพวก‍เจ้าจะเป็นเหมือนอย่างพระ‍เจ้า คือรู้ความดีและความชั่ว” เอวาจึงคล้อยตามการชี้นำของซาตาน หยิบผลไม้ที่พระเจ้าตรัสห้ามมากินเข้าไป ทั้งยังส่งให้อาดัมกินด้วย การละเมิดต่อพระบัญชาโดยเจตนาเช่นนั้น ทำให้สัมพันธภาพอันดีของเขากับพระเจ้ายุติลง และตั้งแต่วันนี้นเอง ทั้งสองจึง ตาย ในสายพระเนตรพระเจ้า “เขามีมลทิน และมีบาป ขาดจากชีวิตนิรันดร์ พระเจ้ายังได้ขับเขาออกจากสวนเอเดนด้วย”

สล็อต


บาปสืบทอดมาถึงคนทั้งปวง ดังที่ หนังสือโรม 5:12-15 กล่าว “เพราะเหตุ‍นี้ บาปได้เข้า‍มาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวล‍มนุษย์ทุก‍คน เพราะมนุษย์ทุก‍คนทำบาป ความจริงบาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีธรรม‍บัญญัติ แต่ที่ไหนไม่‍มีธรรม‍บัญญัติก็ไม่ถือ‍ว่ามีบาป อย่าง‍ไรก็ตาม ความตายก็ได้ครอบ‍งำตลอด‍มา ตั้ง‍แต่อาดัมจน‍ถึงโมเสส แม้คนที่ไม่‍ได้ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัม ผู้ซึ่งเป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภาย‍หลัง แต่ของ‍ประทานแห่งพระ‍คุณก็ไม่เหมือนการละเมิดนั้น เพราะว่าถ้าคนจำนวนมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆ เดียว” เช่นเดียวกับแม่พิมพ์ หลังจากได้ทำบาปแล้ว อาดามยังคงมีอายุยืนยาวถึง 930 ปี จึงตาย แต่ก่อนตาย เขาได้ให้กำเนิดบุตรชาย-หญิง หลายคน ทุกคนจึงล้วนแต่สืบทอดความบาป ความไม่สมบูรณ์จากแม่พิมพ์เป็นมรดก บรรดามนุษย์ทั้งปวงที่เกิดมาจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงจากพันธนาการของบาป ที่ยังผลเป็นความตายเรื่อยมา เช่น บุตรชายที่ชื่อเสท มีอายุได้ 912 ปีจึงสิ้นชีวิต โนอาห์ อายุ 950 ปีจึงสิ้นชีวิต เชม อายุ 600 ปีจึงสิ้นชีวิต อารปัคชาด อายุ 438 ปีจึงสิ้นชีวิต เรอู อายุ 239 ปีจึงสิ้นชีวิต อับราฮัม อายุ 175 ปีจึงสิ้นชีวิต ยาโคป อายุ 147 ปีจึงสิ้นชีวิต โมเสส อายุ 120 ปีจึงสิ้นชีวิต ฯลฯ หนังสือปฐมกาล บท 1 มีการสะท้อนถึงความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ในหลาย ฯ ด้าน เช่น การคิด การพูด การกระทำ ฯลฯ ด้วย

สล็อตออนไลน์


การอภัยบาป แม้ว่ามนุษย์คู่แรกได้ทำผิดประสงค์ของพระองค์ในเรื่องชีวิตบนแผ่นดินโลก แต่นั่นหาได้ทำให้พระองค์ล้มเหลวไม่ โดยพระกรุณาอันไม่พึงได้รับต่อลูกหลานของอาดัมที่เกิดมา พระองค์ทรงเลือกอับราฮัม ชายผู้ยำเกรงพระเจ้า ตรัสสัญญากับท่านว่า จะมีพงศ์พันธุ์หนึ่งซึ่งจะมาบังเกิดในเชื้อวงศ์ของท่าน ผู้นี้จะได้กระทำตามการจัดเตรียมของพระเจ้า ที่จะช่วยมนุษย์โลกให้รอด พ้นจากบาป นั้นแสดงให้เห็นว่าผู้นี้จะต้องเป็นบุคคลที่แตกต่างจากมนุษย์ทั้งปวงที่มีบาป เพราะที่หนังสือเพลงสดุดี 49:7-9 กล่าวว่า “แน่ที‍เดียว ไม่‍มีคน‍ใดไถ่พี่‍น้องของตนได้ หรือถวายค่า‍ไถ่ตัวเขาแด่พระ‍เจ้า เพราะค่า‍ไถ่ชีวิตของเขานั้นแพง และไม่‍เคยพอเลย ที่จะให้เขามีชีวิตตลอด‍ไป และไม่ต้องเห็นหลุม‍มรณะ” จนกระทั่งหลายศตวรรตต่อมา หญิงพรหมจารีย์คนหนึ่งที่ชื่อมารีย์แห่งเมืองนาซาเรธ (ได้หมั้นไว้แล้วกับโยเซฟ) ได้รับแจ้งจากทูตสวรรค์ของพระเป็นเจ้าว่า “เธอจะตั้ง‍ครรภ์และคลอด‍บุตร‍ชาย จงตั้ง‍ชื่อบุตรนั้นว่าเยซู พระ‍วิญญาณ‍บริสุทธิ์จะเสด็จลง‍มาเหนือเธอ และฤทธิ์‍เดชของผู้‍สูง‍สุดจะปกเธอ เพราะ‍ฉะนั้นองค์‍บริสุทธิ์ที่เกิดมานั้นจะได้ชื่อว่าเป็นพระ‍บุตรของพระ‍เจ้า-พระวรสารนักบุญลูกา 1:31,35 นั่นจึงหมายความว่า พระเยซูจะกำเนิดมาโดยมิได้ปฏิสนธิเหมือนอย่างมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่พระเจ้าอาศัยครรภ์ของนางมารีย์ เพื่อพระเยซูจะกำเนิดมามีเลือดเนื้อได้โดยไม่สืบทอดความบาปอย่างมนุษย์ แต่จะสมบูรณ์ ปราศจากบาป เหมือนอย่างอาดัมตอนที่ยังไม่ได้ทำบาป

jumboslot


เหตุการณ์นั้นมาเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวยิวตามที่พระคัมภีร์พยากรณ์ เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติศมาและเริ่มประกาศถึงความหวังแก่ผู้คนเพื่อให้เขาทราบว่าพระเมสสิยาห์ที่ทรงสัญญาคือพระคริสต์ ซึ่งจะต้อง”ให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนเป็นจำนวนมาก และพระองค์ได้สละชีวิตที่สมบูรณ์เป็นเครื่องบูชาในปี 33 ส.ศ.พระองค์คือผู้ที่ยอห์นอัครทูตกล่าวว่า “พระ‍เจ้าทรงรักโลกดัง‍นี้ คือได้ประทานพระ‍บุตรองค์เดียวของพระ‍องค์ เพื่อทุก‍คนที่วาง‍ใจในพระ‍บุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิ‌รันดร์” ดังนั้นเอง การแสดงความเชื่อต่อการจัดเตรียมเกี่ยวกับค่าไถ่ที่พระเจ้าประทานให้โดยทางพระเยซู จึงเป็นหนทางที่มนุษย์คนใด ฯ ก็ตามที่มีความเชื่อจะกลับมีสัมพันธภาพอันดีกับพระเจ้าได้อีกครั้ง ขณะที่พวกเขาจะปฏิเสธหรือพยายามที่จะไม่ทำบาปอีก แต่เขาจะทำการเฉพาะที่จำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานศีลธรรมที่พระเจ้าวางไว้ ครั้นแล้วการอภัยบาปจึงเป็นไปได้สำหรับคนนั้น แม้ว่าเขาอาจสิ้นชีวิตก่อนที่เครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูจะสำเร็จครบถ้วน ณ ตอนสิ้นกำหนดพันปีก็ตาม เขายังคงได้รับการระลึกถึงโดยการกลับเป็นขึ้นจากตายเพื่อมีชีวิตอีกในช่วงพันปีของพระคริสต์ เวลาที่เรียกว่า “นครเยรูซาเล็มใหม่” ตามคำสัญญาของพระเจ้า และเมื่อถึงคราวที่คุณค่าแห่งค่าไถ่ที่พระเยซูถวายแก่พระเจ้านั้นครบถ้วน ณ ตอนสิ้นกำหนดพันปีของพระคริสต์ มนุษย์สามารถปิติยินดีได้ที่พบฟ้าสวรรค์และโลกใหม่ “และข้าพเจ้าเห็นฟ้า‍สวรรค์ใหม่และแผ่น‍ดินโลกใหม่ เพราะ‍ว่าฟ้า‍สวรรค์เดิมและแผ่น‍ดินโลกเดิมนั้นหายไปแล้ว และทะเลก็ไม่‍มีอีก‍ต่อ‍ไป และข้าพเจ้าได้เห็นนครบริสุทธิ์ คือนคร‍เยรูซาเล็มใหม่ลอยลง‍มาจากสวรรค์และจากพระ‍เจ้า นครนี้เตรียม‍พร้อมเหมือนอย่างเจ้า‍สาวที่แต่ง‍ตัวไว้สำหรับสามี ข้าพเจ้าได้‍ยินเสียง‍ดังจากพระ‍ที่‍นั่งว่า “นี่‍แน่ะ ที่‍ประทับของพระ‍เจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระ‍องค์จะประทับกับเขา‍ทั้ง‍หลาย พวก‍เขาจะเป็นชน‍ชาติของพระ‍องค์ พระ‍เจ้าเองจะสถิตกับเขา [และจะเป็นพระ‍เจ้าของเขา] พระ‍เจ้าจะทรงเช็ดน้ำ‍ตาทุกๆ หยดจากตาของเขา‍ทั้ง‍หลาย และความตายจะไม่‍มีอีก‍ต่อ‍ไป ความโศก‍เศร้า การร้อง‍ไห้ และการเจ็บ‍ปวดจะไม่‍มีอีก‍ต่อ‍ไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว”

slot

ฏอฆูต

บลิเบีย เพาเพรุม แปลตรงตัวว่า “พระคัมภีร์สำหรับคนยากจน” คือคัมภีร์ไบเบิลประกอบภาพที่เริ่มสร้างกันในตอนปลายยุคกลาง การสร้างพระคัมภีร์ภาพก็เพื่อสร้างพระคัมภีร์ให้เป็นงานจักษุศิลป์ “บลิเบีย เพาเพรุม” แตกต่างจาก “พระคัมภีร์ประกอบภาพ” (illustrated Bible) ที่ภาพเป็นรองจากเนื้อหา แต่ “บลิเบีย เพาเพรุม” เป็นพระคัมภีร์ที่ภาพเป็นหัวใจหลัก โดยมีคำบรรยายประกอบเพียงเล็กน้อยหรือบางครั้งก็จะไม่มีคำบรรยายเลย คำพูดโดยตัวแบบในจุลจิตรกรรมหนังสือวิจิตรก็อาจจะเป็นคำพูดที่เขียนบนแถบม้วนที่ออกมาจากปากผู้พูด ที่คล้ายกับการเขียนการ์ตูนสมัยใหม่ ภาษาที่ใช้ก็จะเป็นภาษาท้องถิ่นแทนที่จะเป็นภาษาลาติน

jumbo jili


คัมภีร์ไบเบิล หรือ พระคัมภีร์ (มาจากภาษากรีกโบราณว่า Βίβλος บิบลิออน แปลว่า หนังสือ) ชาวโปรเตสแตนต์เรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ (Holy Bible) เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระยาห์เวห์ มนุษย์ บาป และแผนการของพระยาห์เวห์ในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศอันเนื่องจากความบาปสู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งในบางเล่มมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนายูดาห์ของชาวยิว ชาวคริสต์เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น พระวจนะของพระเจ้า (Word of God) หนังสือดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Scripture) คริสตชนทุกคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกบททุกข้อนั้นมนุษย์เขียนขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า ประกอบด้วยหนังสือจำนวน 66 หรือ 73 หรือ 78 เล่ม (แล้วแต่นิกาย) ประกอบด้วยภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นก่อนที่พระเยซูคริสต์ประสูติ ทั้งหมดเขียนเป็นภาษาฮีบรู ยกเว้นส่วนที่เป็นคัมภีร์อธิกธรรม (ยอมรับเฉพาะชาวคาทอลิก) ถูกเขียนด้วยภาษากรีกและภาษาอียิปต์ ส่วนพันธสัญญาใหม่ถูกเขียนขึ้นหลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว โดยบันทึกถึงเรื่องราวของพระเยซูตลอดพระชนม์ชีพ รวมทั้งคำสอน และการประกาศข่าวดีแห่งความรอด การยอมรับการทรมาน และการไถ่บาปของมนุษย์โดยพระเยซู การกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มายังอัครทูต ประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในยุคแรกเริ่ม ภายหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูแล้ว การเบียดเบียนคริสตจักรในรูปแบบต่าง ๆ

สล็อต


จุลจิตรกรรมสำหรับหนังสือวิจิตร คำว่า “Miniature” มาจากภาษาละตินว่า “Minium” ที่หมายถึงสารสี “เลดเทโทรไซด์” หรือ “ตะกั่วแดง” (Lead tetroxide) คือหนังสือวิจิตรโบราณหรือจากยุคกลาง หรือ ลายตกแต่งอย่างง่ายๆ ของกฎบัตรที่ตกแต่งด้วยสารสีตะกั่วแดงดังกล่าว การที่ภาพโดยทั่วไปจากยุคกลางมักจะมีขนาดเล็กทำให้สับสนกับจิตรกรรมขนาดเล็กโดยเฉพาะภาพเหมือนขนาดเล็ก (portrait miniature) ที่พัฒนามาจากลักษณะการวาดที่มีประวัติคล้ายคลึงกัน นอกไปจากธรรมเนียมการวาดจุลจิตรกรรมทางตะวันตกและไบแซนไทน์แล้ว ทางตะวันออกก็มีการเขียนจุลจิตรกรรมที่มักจะเป็นภาพที่มีเนื้อหามากกว่าทางตะวันตก และจากที่เป็นงานที่เขียนสำหรับหนังสือก็พัฒนาไปเป็นงานเขียนเป็นแผ่นๆ ที่ใช้เก็บในอัลบัมได้ ที่เรียกว่าจุลจิตรกรรมเช่นเดียวกับทางตะวันตก แต่มีลักษณะเดียวกับภาพเขียนสีน้ำ จุลจิตรกรรมทางตะวันออกก็รวมทั้งจุลจิตรกรรมเปอร์เซีย และ จุลจิตรกรรมโมกุล, จุลจิตรกรรมออตโตมัน และ จุลจิตรกรรมอินเดีย

สล็อตออนไลน์


สมัยกลาง หรือ ยุคกลาง (อังกฤษ: Middle Ages) คือช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ยุโรป ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยปกติแล้วเริ่มนับตั้งแต่การล่มสลายลงของจักรวรรดิโรมันตะวันตก (การสิ้นสุดของสมัยคลาสสิก) จนถึงจุดเริ่มตั้นของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา และยุคแห่งการสำรวจ ซึ่งเป็นยุคที่นำไปสู่สมัยใหม่ในเวลาต่อมา สมัยกลางคือช่วงเวลาตรงกลางของกระบวนการเปลี่ยนผ่านในประวัติศาสตร์ตะวันตกคือ สมัยคลาสสิก สมัยกลาง และสมัยใหม่ นอกจากนี้สมัยกลางยังถูกแบ่งออกเป็นสามช่วงเวลาคือ ต้นสมัยกลาง (Early Middle Ages), สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ (High Middle Ages) และปลายสมัยกลาง (Late Middle Ages)

jumboslot


ในยุคกลางตอนต้น การลดลงของประชากร, การหดตัวของเมือง และการรุกรานจากอนารยชน เริ่มต้นขึ้นในยุคโบราณตอนปลายและดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เหล่าอนารยชนผู้บุกรุกเข้าตั้งอาณาจักรของตนในส่วนที่เหลืออยู่ของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 แอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันตะวันออก ได้กลายไปเป็นจักรวรรดิอิสลามหลังจากถูกยึดครองโดยผู้สืบทอดของนบีมุฮัมมัด แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและโครงสร้างทางการเมืองมากมาย แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากยุคโบราณคลาสสิคอย่างสิ้นเชิง จักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ยังคงอยู่รอดและรักษาอำนาจของตนเอาไว้ได้ นอกจากนี้แล้วอาณาจักรเกิดใหม่ส่วนใหญ่ยังคงเกี่ยวพันอยู่กับสถาบันที่หลงเหลืออยู่ของชาวโรมัน ในขณะที่วัดวาอารามของคริสต์ศาสนาได้แผ่ขยายไปทั่วยุโรปตะวันตก ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 และ 8 ชาวแฟรงก์ภายใต้การปกครองของราชวงศ์การอแล็งเฌียงได้สถาปนาจักรวรรดิขึ้นซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปตะวันตกมีนามว่า จักรวรรดิการอแล็งเฌียง ซึ่งยืนยงไปจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 9 เมื่อจักรวรรดิล่มสลายลงจากแรงงกดดันของการรุกรานจากภายนอก เช่น ชาวไวกิงจากทางเหนือ ชาวแมกยาร์จากทางตะวันออก และชาวซาราเซนจากทางใต้

slot

ญิซยะฮ์

หนังสือนางรูธ เป็นหนังสือเล่มที่สั้นที่สุดเล่มหนึ่งทั้งในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมและในคัมภีร์ฮีบรู มาจากภาษาฮีบรูว่า מגילת רות โดยหนังสือนางรูธนี้ มีเพียง 4 บท เท่านั้น หนังสือเล่มนี้ไม่ระบุผู้เขียนที่ชัดเจน มีนักเทววิทยาบางกลุ่มเชื่อว่า ซามูเอล เป็นผู้เรียบเรียงขึ้น แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกัน เนื่องจากนักประวัติศาสตร์ พบว่าเนื้อหาบางส่วนในหนังสือนางรูธได้ระบุช่วงเวลาซึ่งเชื่อได้ว่า น่าจะเกิดขึ้นภายหลังจากซามูเอลได้เสียชีวิตแล้ว

jumbo jili


ประวัติ หนังสือนางรูธเป็นคัมภีร์ที่เขียนเล่าเรื่องของนางรูธ หญิงสาวต่างชนชาติ ที่แต่งงานกับชายชาวอิสราเอลในยุคที่ชนชาติต่าง ๆ พากันกราบไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ มากมาย ในขณะที่อิสราเอล มีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวคือพระยาเวห์ ในยุคสมัยของนางรูธ เกิดความแห้งแล้ง พืชผลที่ปลูกได้ไม่สมบูรณ์ อิสราเอลบางส่วนได้หันเหออกจากทางของพระเจ้า ไปนับถือพระอื่น ซึ่งถือว่าผิดพระบัญญัติของพระเจ้าที่ได้ให้ไว้ต่อโมเสส เนื้อหาพระคัมภีร์โดยย่อนางรูธ เป็นหญิงสาวต่างชนชาติ ที่แต่งงานกับชายชาวอิสราเอล และเมื่อแต่งงานแล้ว นางรูธได้หันมานับถือพระเจ้าตามอย่างครอบครัวสามี เนื่องจากยุคสมัยนั้นเกิดการกันดารอาหาร ครอบครัวของนางรูธ ได้เดินทางออกนอกเขตอิสราเอลเพื่อไปสู่ดินแดนที่สมบูรณ์กว่า จนกระทั่งสามีของนางเสียชีวิต ยังคงเหลือนาง และแม่สามีเพียงสองคน แม่สามีของนางตัดสินใจเดินทางกลับอิสราเอลเพื่อไปพำนักกับชาวอิสราเอล และให้โอกาสนางรูธเป็นอิสระจากตระกูลของนาง (เป็นธรรมเนียมของคนในสมัยนั้น) แต่นางรูธกลับยืนยันที่จะอยู่ปรนนิบัติแม่สามี และร่วมเดินทางกลับอิสราเอลกับแม่สามีด้วย รวมทั้งการนับถือพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของนางอีกด้วย

สล็อต


พันธสัญญาเดิม เป็นศัพท์ศาสนาคริสต์ใช้เรียกคัมภีร์ฮีบรู ซึ่งเป็นชุดคัมภีร์ของชาววงศ์วานอิสราเอลโบราณ ที่รวมกันเป็นส่วนแรกของคัมภีร์ไบเบิลในศาสนาคริสต์ จำนวนหนังสือในพันธสัญญาเดิมจะแตกต่างกันตามแต่ละนิกายในศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ยอมรับเฉพาะหนังสือ 24 เล่มในคัมภีร์ทานัคว่าเป็นพันธสัญญาเดิม แต่แบ่งใหม่เป็น 39 เล่ม ส่วนนิกายโรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ คอปติกออร์ทอดอกซ์ และคริสตจักรแห่งเอธิโอเปีย มีจำนวนหนังสือที่รับเข้าในสารบบพันธสัญญาเดิมของตนมากกว่า

สล็อตออนไลน์


คัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม แบ่งหนังสือออกเป็น 5 หมวดใหญ่ ได้แก่
1 หมวดเบญจบรรณ (Pentateuch) มี 5 เล่ม ประกอบด้วย ปฐมกาล อพยพ เลวีนิติ กันดารวิถี และเฉลยธรรมบัญญัติ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างทรงสร้างของพระเจ้า บรรพชนของชนชาติอิสราเอล เรื่องของพระบัญญัติ และพิธีการต่าง ๆ ของชาวอิสราเอล เป็นสำคัญ ศาสนายูดาห์เรียกคัมภีร์ในหมวดนี้ว่า โทราห์ (Torah)
2 หมวดประวัติศาสตร์ (Historical books) มี 12 เล่ม ประกอบด้วย โยชูวา ผู้วินิจฉัย นางรูธ 1-2ซามูเอล 1-2พงศ์กษัตริย์ 1-2พงศาวดาร เอสรา เนหะมีย์ และเอสเธอร์ ว่าด้วย พงศาวดารของชนชาติอิสราเอล ตั้งแต่การตั้งรกราก จนถึงก่อนพระเยซูประสูติ
3 หมวดปรีชาญาณ (Wisdom books) มี 5 เล่ม ประกอบด้วย โยบ สดุดี สุภาษิต ปัญญาจารย์ และบทเพลงซาโลมอน ว่าด้วย บทสรรเสริญพระเจ้าและหนุนใจอิสราเอล ในรูปแบบโคลงกลอนสมัยก่อนคริสตกาล
4 หมวดผู้เผยพระวจนะใหญ่ (Major prophets) มี 5 เล่ม ประกอบด้วย อิสยาห์ เยเรมีห์ บทเพลงคร่ำครวญ เอเสเคียล และดาเนียล ว่าด้วย ข้อเขียนของผู้เผยพระวจนะที่ศาสนายูดาห์นับถือเป็นผู้เผยพระวจนะคนสำคัญและมักอ้างถึงบ่อย
5 หมวดผู้เผยพระวจนะน้อย (Minor prophets) มี 12 เล่ม ประกอบด้วยโฮเชยา โยเอล อาโมส โอบาดีย์ โยนาห์ มีคา นาฮูม ฮาบากุก เศฟันยาห์ ฮักกัย เศคาริยาห์ และมาลาคี ว่าด้วย ข้อเขียนของผู้เผยพระวจนะที่มีการบันทึกไม่มากเท่ากับผู้เผยพระวจนะใหญ่

jumboslot


คัมภีร์ไบเบิล หรือ พระคัมภีร์ (มาจากภาษากรีกโบราณว่า Βίβλος บิบลิออน แปลว่า หนังสือ) ชาวโปรเตสแตนต์เรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ (Holy Bible) เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระยาห์เวห์ มนุษย์ บาป และแผนการของพระยาห์เวห์ในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศอันเนื่องจากความบาปสู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งในบางเล่มมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนายูดาห์ของชาวยิว ชาวคริสต์เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น พระวจนะของพระเจ้า (Word of God) หนังสือดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Scripture) คริสตชนทุกคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกบททุกข้อนั้นมนุษย์เขียนขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า ประกอบด้วยหนังสือจำนวน 66 หรือ 73 หรือ 78 เล่ม (แล้วแต่นิกาย) ประกอบด้วยภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นก่อนที่พระเยซูคริสต์ประสูติ ทั้งหมดเขียนเป็นภาษาฮีบรู ยกเว้นส่วนที่เป็นคัมภีร์อธิกธรรม (ยอมรับเฉพาะชาวคาทอลิก) ถูกเขียนด้วยภาษากรีกและภาษาอียิปต์ ส่วนพันธสัญญาใหม่ถูกเขียนขึ้นหลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว โดยบันทึกถึงเรื่องราวของพระเยซูตลอดพระชนม์ชีพ รวมทั้งคำสอน และการประกาศข่าวดีแห่งความรอด การยอมรับการทรมาน และการไถ่บาปของมนุษย์โดยพระเยซู การกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มายังอัครทูต ประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในยุคแรกเริ่ม ภายหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูแล้ว การเบียดเบียนคริสตจักรในรูปแบบต่าง ๆ

slot

ญาฮิลียะฮ์

นักปราชญ์แห่งคริสตจักร เป็นตำแหน่งที่คริสตจักรแต่งตั้งให้ผู้ที่มีความสำคัญด้านคำสอนหรือเทววิทยาศาสนาคริสต์เป็นพิเศษ ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในคริสตจักรตะวันตก มีปิตาจารย์แห่งคริสตจักรที่ได้รับยกย่องเป็นนักปราชญ์อยู่ 4 องค์ ได้แก่ นักบุญเกรกอรีผู้ยิ่งใหญ่ นักบุญแอมโบรสแห่งมิลาน นักบุญออกัสตินแห่งฮิปโป และนักบุญเจอโรม ขณะที่คริสตจักรตะวันออกมีนักปราชญ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ 3 องค์ ได้รับยกย่องเป็น “ไฮเออราร์คผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม” ได้แก่ นักบุญจอห์น คริสซอสตอม นักบุญแบซิลแห่งซีซาเรีย และนักบุญเกรกอรีแห่งนาเซียนซัส

jumbo jili


ในคริสตจักรโรมันคาทอลิกตำแหน่งนี้จะมอบให้แก่นักบุญผู้เป็นเจ้าของงานประพันธ์ที่คริสตจักรถือว่ามีคุณค่าต่อการศึกษา โดยการประกาศจากพระสันตะปาปาหรือจากสภาสังคายนาสากล การแต่งตั้งนี้นาน ๆ จึงทำกันครั้งหนึ่งและเป็นการแต่งตั้งหลังจากที่ผู้ได้รับการแต่งตั้งเสียชีวิตไปแล้วและหลังจากที่ได้รับประกาศให้เป็นนักบุญแล้วเท่านั้น ในคริสตจักรละติน หลังจากที่นักปราชญ์ฝ่ายละตินทั้ง 4 องค์ได้รับยกย่องเป็นนักปราชญ์แห่งคริสตจักรไปแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 5 ได้ประกาศยกย่องนักปราชญ์อีก 4 องค์เป็นนักปราชญ์แห่งคริสตจักรตะวันออกในปี ค.ศ. 1568 ได้แก่ นักบุญจอห์น คริสซอสตอม นักบุญแบซิลแห่งซีซาเรีย นักบุญเกรกอรีแห่งนาเซียนซัส และนักบุญอะทานาเชียสแห่งอะเล็กซานเดรีย

สล็อต


นักปราชญ์แห่งคริสตจักรแต่ละองค์ก็มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ กัน เช่น นักบุญเกรกอรีหรือพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 1 และนักบุญแอมโบรสเป็นนักเขียนจดหมายและศาสตรนิพนธ์ นักบุญกาเตรีนาแห่งซีเอนาและนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนจะเขียนเกี่ยวกับเทววิทยาเชิงรหัสยะ (mystical theology) นักบุญออกัสตินแห่งฮิปโปและนักบุญโรแบร์โต เบลลาร์มีโน เน้นงานเขียนปกป้องคริสตจักรจากพวกนอกรีต นักบุญบีดเขียน “ประวัติศาสตร์คริสตจักรของชนอังกฤษ” ซึ่งเป็นเอกสารที่ดีที่สุดในทางประวัติศาสตร์อังกฤษสมัยกลาง ส่วนนักบุญแอนเซล์มแห่งแคนเทอร์เบอรี นักบุญอัลแบร์ตุส มาญุส และนักบุญทอมัส อไควนัส เป็นทั้งนักเทววิทยาระบบ ในปี ค.ศ. 1970 ได้มีการแต่งตั้งนักบุญหญิงเป็นนักปราชญ์แห่งคริสตจักรเป็นครั้งแรก คือ นักบุญเตเรซาแห่งอาบีลาและนักบุญกาเตรีนาแห่งซีเอนา ต่อมามีนักบุญเตแรซแห่งลีซีเยอและนักบุญฮิลเดการ์ดแห่งบิงเงิน ได้รับแต่งตั้งเพิ่มมาอีกตามลำดับ

สล็อตออนไลน์


คริสตจักรโรมันคาทอลิกได้แต่งตั้ง “นักปราชญ์แห่งคริสตจักร” ทั้งหมดด้วยกัน 35 องค์ ในจำนวนนี้ 18 องค์ถึงแก่กรรมก่อนจะเกิดศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตกในปี ค.ศ. 1054 ซึ่งทางนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ก็ยังนับถือนักปราชญ์ทั้ง 17 องค์นี้ ในบรรดา 35 องค์นี้ 25 องค์มาจากศาสนาคริสต์ตะวันตก และอีก 8 มาจากศาสนาคริสต์ตะวันออก ประกอบด้วยนักบุญหญิง 4 องค์ มุขนายก 18 องค์ บาทหลวง 12 องค์ พันธบริกร 1 องค์ นักพรตหญิง 3 องค์ พรหมจารี 1 องค์ และเป็นชาวยุโรป 26 องค์ ชาวแอฟริกา 3 องค์ และอีก 6 องค์เป็นชาวเอเชีย

jumboslot


ศาสนาคริสต์ (อังกฤษ: Christianity) ราชบัณฑิตยสถานเรียกว่า คริสต์ศาสนา เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ที่มีพื้นฐานมาจากชีวิตและการสอนของพระเยซูตามที่ปรากฏในพระวรสารในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียนพันธสัญญาใหม่อื่น ๆ ผู้นับถือศาสนาคริสต์เรียกว่าคริสต์ศาสนิกชนหรือคริสตชน คริสตชนเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าผู้มาบังเกิดเป็นมนุษย์และเป็นพระผู้ไถ่ ด้วยเหตุนี้ คริสตชนจึงมักเรียกพระเยซูว่า “พระคริสต์” หรือ “พระเมสสิยาห์” ศาสนาคริสต์ปัจจุบันแบ่งเป็นสามนิกายใหญ่ คือ โรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และโปรเตสแตนต์ ซึ่งยังแบ่งนิกายย่อยได้อีกหลายนิกาย เขตอัครบิดรโรมันคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์แยกออกจากกันในช่วงศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตก (East–West Schism) ใน ค.ศ. 1054 และนิกายโปรเตสแตนต์เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งแยกตัวออกจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก

slot

ญะฮันนัม

สังคายนาไนเซียครั้งที่หนึ่ง เป็นสภาสังคายนาสากลครั้งแรกในศาสนาคริสต์ โดยจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชทรงเรียกประชุมบรรดามุขนายกทั่วจักรวรรดิโรมันมาประชุมกันที่เมืองไนเซีย เพื่อหาข้อสรุปความเชื่อเกี่ยวกับสถานะของพระบุตร และความสัมพันธ์ระหว่างพระบุตรกับพระบิดา และได้ข้อสรุปว่าแม้พระบิดาและพระบุตรจะต่างบุคคลกัน แต่มีความเป็นพระเจ้าร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว สภาสังคายนาคอนสแตนติโนเปิลครั้งที่หนึ่งได้ยืนยันข้อสรุปนี้อีกครั้งในปี ค.ศ. 381 และแถลงออกมาเป็นหลักข้อเชื่อไนซีน ซึ่งเป็นบรรทัดฐานความเชื่อทางศาสนาคริสต์กระแสหลักจวบจนในปัจจุบัน

jumbo jili


ประวัติ ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 ได้เกิดข้อถกเถียงทางเทววิทยาขึ้นในคริสตจักรว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าหรือใหม่ เอเรียส บาทหลวงชาวแอฟริกาเหนือเสนอแนวคิดว่าพระบุตรมีสถานะต่ำกว่าพระบิดา พระบิดาคือพระเป็นเจ้าพระผู้สร้างเพียงพระองค์เดียว ส่วนพระบุตรเป็นสิ่งที่ถูกสร้างในภายหลัง แต่ก็ได้รับเกียรติให้ประเสริฐกว่ามนุษย์อื่นทั้งหมด แนวคิดนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในคริสตจักรสมัยนั้น แต่ขัดกับหลักตรีเอกภาพที่ถือว่าทั้งพระบิดาและพระบุตรล้วนแต่เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวเสมอกัน จึงเกิดความแตกแยกขึ้นภายในคริสตจักร จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชทรงเห็นว่าปัญหานี้จะส่งผลต่อความมั่นคงแห่งชาติ จึงประกาศเรียกบรรดามุขนายกจากทั่วคริสตจักรมาร่วมประชุมที่เมืองไนเซียในปี ค.ศ. 325 ประธานสภาฯ คืออัครมุขนายกอะเล็กซานเดอร์แห่งอะเล็กซานเดรีย ซึ่งมีความเห็นต่อต้านลัทธิเอเรียสอย่างรุนแรง สมาชิกที่สำคัญท่านอื่น ๆ เช่น นิโคลัสแห่งมิรา อะทาเนเชียสแห่งอะเล็กซานเดรีย เป็นต้น ในที่สุดสภาฯ มีมติว่าพระบิดาและพระบุตรเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว พระบุตรไม่ได้ถูกสร้าง แต่ทรงบังเกิดจากพระบิดาโดย “ร่วมธรรมชาติเดียวกัน” (homoousios) เอเรียสปฏิเสธไม่ยอมรับมตินี้ จึงถูกสภาสังคายนาขับออกจากคริสตจักร

สล็อต


ในศาสนาคริสต์ สภาสังคายนาสากล คือการประชุมบรรดามุขนายกและนักเทววิทยาศาสนาคริสต์จากคริสตจักรทั่วโลก เพื่อสังคายนาหรือหาข้อตกลงร่วมกันในเรื่องหลักความเชื่อและการปฏิบัติที่ขัดแย้งกันอยู่ในขณะนั้น คำว่า “Οικουμένη” เป็นภาษากรีกแปลว่า “โลกที่อยู่อาศัย” หรือในความหมายแคบคือจักรวรรดิโรมันนั่นเอง เพราะการประชุมในสมัยแรก ๆ ริเริ่มโดยจักรพรรดิโรมัน แต่ต่อมาคำนี้ก็นำมาใช้กันโดยทั่วไปในความหมายที่หมายถึง “คริสตจักร” หรือประชาคมคริสต์ศาสนิกชน “ทั่วโลก” หรือในแต่ละนิกายในศาสนาคริสต์ สภาสังคายนาครั้งสุดท้ายที่เป็นที่ยอมรับจากทั้งฝ่ายโรมันคาทอลิกและออร์ทออดกซ์คือสังคายนาไนเซียครั้งที่สองปี ค.ศ. 787 ซึ่งถือเป็นสังคายนาครั้งที่ 7 ฉะนั้นสภาสังคายนาสากลเจ็ดครั้งแรกนี้จึงมีความสำคัญเพราะผลจากการประชุมทั้ง 7 ครั้งนั้นก็ที่เป็นที่ยอมรับกันในหลายนิกายที่รวมทั้งฝ่ายโปรเตสแตนต์ด้วย ฉะนั้นตามความคิดเห็นสมัยใหม่การประชุมสภาสังคายนา หรือ “Ecumenical council” ที่แท้จริงก็คือการประชุมทั้ง 7 ครั้งแรกที่กล่าวนี้เท่านั้น “สภาควินิเซ็กซท์” (Quinisext Council) ไม่เป็นที่ยอมรับว่าเป็น “สังคายนาแห่งควินนิเซ็กซท์” โดยโรมันคาทอลิกแต่อีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ถือว่าเป็น “สภาสังคายนา” หรือที่เรียกว่าการประชุมสังคายนาแห่งคอนสแตนติโนเปิลครั้งที่ 3 เมื่อปี ค.ศ. 680 (Third Council of Constantinople) ถ้าการประชุมเป็นการประชุมท้องถิ่นก็จะเรียกว่า “ซีนอด” (synod) คำว่า “σύνοδος” มาจากคำว่า “syn” และ “odos” ในภาษากรีก “σύν” และ “οδος” ซึ่งแปลว่า “ทาง” หรือ “ถนน” ฉะนั้นจึงหมายถึงผู้ที่มาพบปะกันระหว่างผู้ที่มีพื้นฐานอย่างเดียวกัน ในกรณีนี้คือนักบวชในคริสต์ศาสนา

สล็อตออนไลน์


เอกสารจากสภาสังคายนาก็คล้ายคลึงกับระบบงานในสำนักงาน ระหว่างการประชุมก็จะออกเอกสารเวียน กล่าวและโต้สุนทรพจน์ ออกเสียง และในที่สุดก็ออกบัญญัติและแจกจ่ายเอกสารให้แก่ผู้เหมาะสม เช่นการประกาศว่าความเชื่อใดที่ถือว่านอกรีต กฎหมายที่ออกโดยสภาเรียกว่า “Canon” มาจากคำว่าในภาษากรีก “κανονες” – “kanones” ซึ่งแปลว่า “กฎ” หรือ “การดำเนินตามกฎ” ที่พิมพ์ขึ้น ซึ่งก็ยังมีหลักฐานอยู่จนถึงปัจจุบัน ในบางกรณีก็พร้อมด้วยเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายจากสภาสังคายนาเป็นรากฐานสำคัญของการวิวัฒนาการของ “กฎหมายศาสนจักร” (Canon law) โดยเฉพาะการวิจัยกฎบางข้อที่ขัดแย้งกันเองหรือการจัดแบ่งความสำคัญของกฎบัตรแต่ละข้อ กฎหมายศาสนจักรจะประกอบด้วยคำแถลงการณ์และบทลงโทษทางวินัยถ้ากฎถูกละเมิด สภาสังคายนามักจะทำการลงโทษทางวินัยในทันที่ที่มีการละเมิดกฎ ทางนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ถือว่ากฎบัตรที่ออกโดยสภาสังคายนาเป็นกฎตายตัวและมีอำนาจครอบคลุมคริสตจักรที่อยู่ในเครือข่ายในขณะที่การลงโทษจะขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่ซึ่งกฎบัตรอาจจะมีหรือไม่มีความหมายต่อสถานะการณ์ก็ได้

jumboslot


ศาสนาคริสต์ (อังกฤษ: Christianity) ราชบัณฑิตยสถานเรียกว่า คริสต์ศาสนา เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ที่มีพื้นฐานมาจากชีวิตและการสอนของพระเยซูตามที่ปรากฏในพระวรสารในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียนพันธสัญญาใหม่อื่น ๆ ผู้นับถือศาสนาคริสต์เรียกว่าคริสต์ศาสนิกชนหรือคริสตชน คริสตชนเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าผู้มาบังเกิดเป็นมนุษย์และเป็นพระผู้ไถ่ ด้วยเหตุนี้ คริสตชนจึงมักเรียกพระเยซูว่า “พระคริสต์” หรือ “พระเมสสิยาห์” ศาสนาคริสต์ปัจจุบันแบ่งเป็นสามนิกายใหญ่ คือ โรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และโปรเตสแตนต์ ซึ่งยังแบ่งนิกายย่อยได้อีกหลายนิกาย เขตอัครบิดรโรมันคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์แยกออกจากกันในช่วงศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตก (East–West Schism) ใน ค.ศ. 1054 และนิกายโปรเตสแตนต์เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งแยกตัวออกจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก

slot