อาร์ชบิชอปแห่งยอร์ก (อังกฤษ: Archbishop of York) เป็นตำแหน่งผู้ปกครองระดับสูงในคริสตจักรแห่งอังกฤษ ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดรองจากอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี มีฐานะเป็นบิชอปประจำมุขมณฑลยอร์ก และอาร์ชบิชอปแห่งภาคยอร์กซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมภาคเหนือของประเทศอังกฤษและเกาะแมน อาร์ชบิชอปแห่งยอร์กถือเป็นสมาชิกสภาขุนนางโดยตำแหน่ง และเป็นไพรเมตแห่งอังกฤษ (ส่วนอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีเป็น “ไพรเมตแห่งอังกฤษทั้งปวง”) อาสนะประจำตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งยอร์กต้ังอยู่ภายในมหาวิหารยอร์กกลางนครยอร์ก
อาร์ชบิชอป (อังกฤษ: Archbishop) หรืออัครมุขนายก ชาวไทยคาทอลิกเรียกว่าพระอัครสังฆราช เป็นตำแหน่งการปกครองระดับสูงในบางคริสตจักรที่มีการจัดระเบียบองค์การแบบอิปิสโคปัล เช่น โรมันคาทอลิก ออร์ทอดอกซ์ แองกลิคัน ถือว่ามีสถานะเหนือกว่ามุขนายก (bishop) การเป็นอัครมุขนายกหมายถึงการได้ปกครองอัครมุขมณฑล (archdiocese) ซึ่งเป็นมุขมณฑลที่มีความสำคัญเป็นกรณีพิเศษ หรือในกรณีของแองกลิคันคอมมิวเนียนจะหมายถึงกลุ่มมุขมณฑลที่รวมกันเป็นภาคคริสตจักร เช่น ภาคแคนเทอร์เบอรีที่ปกครองโดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป “อัครมุขนายก” มีฐานะเท่าเทียมกับมุขนายกในด้านการศาสนา แต่มีอภิสิทธิ์บางอย่างมากกว่า ฉะนั้นถ้าผู้ที่เป็นมุขนายกอยู่แล้วได้รับการแต่งตั้ง (appointment) เป็นอัครมุขนายกก็ไม่จำเป็นต้องรับการอภิเษก (consecration) อีก มีแต่พิธีเข้ารับตำแหน่ง (installation) แต่ถ้าผู้ที่ได้รับตำแหน่งไม่ได้เป็นมุขนายกมาก่อน ผู้นั้นก็ต้องเข้าพิธีอภิเษกเพื่อรับศีลอนุกรมเสียก่อนที่จะทำหน้าที่เป็นอัครมุขนายก คำว่า “Archbishop” มาจากภาษากรีกว่า “αρχι” ที่แปลว่า “ที่หนึ่ง” หรือ “หัวหน้า” และคำว่า “επισκοπος” ที่แปลว่า “ปกครองดูแล” “อัครมุขนายก” ปกครอง “อัครมุขมณฑล” หรือภาคคริสตจักร ถ้าเป็นในสมัยโบราณโดยเฉพาะในสมัยจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ อัครมุขนายกก็จะปกครอง “รัฐอัครมุขนายก” เช่น อาร์ชบิชอปแห่งไมนทซ์ (Archbishop of Mainz) ผู้ปกครอง “ราชรัฐอัครมุขนายกไมนทซ์” (Archbishopric of Mainz)
คริสตจักรแห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Church of England) เป็นคริสตจักรประจำชาติ ของอังกฤษ และเป็นคริสตจักรแม่ของแองกลิคันคอมมิวเนียนทั่วโลก ในช่วงแรกคริสตจักรในอังกฤษยังเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรโรมันคาทอลิก แต่เมื่อพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษตัดสินพระทัยหย่าขาดกับพระนางแคเธอรินแห่งอารากอนซึ่งฝ่าฝืนคำสั่งของพระสันตะปาปาไป พระองค์ก็มีพระราชโองการให้คริสตจักรแห่งอังกฤษแยกตัวจากคริสตจักรโรมันคาทอลิกในปี ค.ศ. 1534 แล้วออกพระราชบัญญัติอำนาจสูงสุดทางศาสนาซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปศาสนาในอังกฤษ แต่พอถึงรัชสมัยสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษก็ทรงนำคริสตจักรแห่งอังกฤษกลับไปรวมกับคริสตจักรคาทอลิกอีกในปี ค.ศ. 1555 จนกระทั่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษให้รัฐสภาออกพระราชบัญญัติอำนาจสูงสุดทางศาสนา ค.ศ. 1558 ปฏิเสธอำนาจของพระสันตะปาปาในคริสตจักรแห่งอังกฤษอีก ทั้งฝ่ายคาทอลิกและฝ่ายปฏิรูปต่างพยายามรูปแบบหลักความเชื่อและพิธีกรรมให้เป็นไปตามแบบของตนตลอดมา จนความขัดแย้งมาสิ้นสุดเมื่อมีข้อตกลงเอลิซาเบธันโดยกำหนดว่าคริสตจักรแห่งอังกฤษเป็นทั้งแบบคาทอลิกและปฏิรูป
คาทอลิก เป็นคาทอลิกเพราะเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรสากลที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยอัครทูต คริสตจักรนี้จึงให้ความสำคัญกับคำสอนของเหล่าปิตาจารย์แห่งคริสตจักรยุคแรก ซึ่งกำหนดไว้ในหลักข้อเชื่อของอัครทูต หลักข้อเชื่อไนซีน และหลักข้อเชื่ออะทาเนเซียน
ปฏิรูป เป็นคริสตจักรปฏิรูปเพราะได้รับอิทธิพลด้านหลักความเชื่อจากการปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ดังพบได้จากหนังสือคำอธิษฐานทั่วไปและคำแถลงสามสิบเก้าข้อ
ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาและการเมืองขึ้นอีก ทำให้ฝ่ายพิวริตันและเพรสไบทีเรียนได้ขึ้นมามีอำนาจในคริสตจักร แต่ก็หมดอำนาจไปเมื่อพระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษได้คืนสู่ราชบัลลังก์ ปัจจุบันในคริสตจักรมีแนวความเชื่ออยู่หลายแบบ แบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือกลุ่มแองโกล-คาทอลิกและกลุ่มอีแวนเจลิคัล ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขัดแย้งกันมาตั้งแต่การปฏิรูปช่วงแรก นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งใหม่เกิดขึ้นอีกในปัจจุบันระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายพิพัฒนาการนิยมอันเนื่องมาจากประเด็นการบวชสตรีและทัศนะต่อคนรักร่วมเพศ ทั้งนี้คริสตจักรแห่งอังกฤษได้บวชสตรีเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1994 และปัจจุบันอยู่ระหว่างผลักดันให้มีการอภิเษกบิชอปหญิง คริสตจักรแห่งอังกฤษแบ่งเขตปกครองออกเป็นเขตแพริช หลายเขตแพริชรวมกันเป็นมุขมณฑลซึ่งมีบิชอปเป็นประมุข อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีคือไพรเมตแห่งคริสตจักรแห่งอังกฤษทั้งหมด และเป็นศูนย์กลางเพื่อเอกภาพของแองกลิคันคอมมิวเนียนทั่วโลก เจเนอรัลซิโนดแห่งคริสตจักรแห่งอังกฤษเป็นที่ประชุมของคริสตจักรและบรรดาบิชอป เคลอจี และฆราวาส มีอำนาจในการออกนโยบายต่าง ๆ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรในขั้นสุดท้าย
ศาสนาคริสต์ (อังกฤษ: Christianity) ราชบัณฑิตยสถานเรียกว่า คริสต์ศาสนา เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ที่มีพื้นฐานมาจากชีวิตและการสอนของพระเยซูตามที่ปรากฏในพระวรสารในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียนพันธสัญญาใหม่อื่น ๆ ผู้นับถือศาสนาคริสต์เรียกว่าคริสต์ศาสนิกชนหรือคริสตชน คริสตชนเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าผู้มาบังเกิดเป็นมนุษย์และเป็นพระผู้ไถ่ ด้วยเหตุนี้ คริสตชนจึงมักเรียกพระเยซูว่า “พระคริสต์” หรือ “พระเมสสิยาห์” ศาสนาคริสต์ปัจจุบันแบ่งเป็นสามนิกายใหญ่ คือ โรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และโปรเตสแตนต์ ซึ่งยังแบ่งนิกายย่อยได้อีกหลายนิกาย เขตอัครบิดรโรมันคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์แยกออกจากกันในช่วงศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตก (East–West Schism) ใน ค.ศ. 1054 และนิกายโปรเตสแตนต์เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งแยกตัวออกจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก