พันธกรทั้งห้าของพระเจ้า หมายถึง เครื่องมือของพระเป็นเจ้าในการทำพันธกิจของพระองค์ให้สำเร็จตามพระประสงค์ ตามที่มีกล่าวไว้ในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส บทที่ 4 ข้อที่ 11 ประกอบไปด้วยอัครทูต ผู้เผยพระวจนะ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาล และอาจารย์ พระเจ้า หรือ พระเป็นเจ้า (อังกฤษ: God) หมายถึง เทวดาผู้เป็นใหญ่ ถือเป็นเทวดาเพียงพระองค์เดียวตามความเชื่อแบบเอกเทวนิยม หรือเป็นเทวดาผู้เป็นสารัตถะเดียวของเอกภพตามความเชื่อแบบพหุเทวนิยม พระเป็นเจ้าถือว่าเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติ พระผู้สร้างและปกครองเอกภพ นักเทววิทยาได้อธิบายคุณลักษณะของพระเป็นเจ้าไว้ต่าง ๆ กันตามแต่มโนทัศน์เกี่ยวกับพระเป็นเจ้าของบุคคลนั้น โดยทั่วไปถือว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นสัพพัญญู ทรงอำนาจไร้ขีดจำกัด ทรงสถิตอยู่ทุกหนแห่ง ทรงพระเมตตา เป็นภาวะเชิงเดียวที่ไม่แบ่งแยก ทรงสถิตอยู่ชั่วนิรันดร์ และเอกภพไม่อาจอยู่ได้โดยปราศจากพระองค์ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าพระเป็นเจ้าทรงมีสภาพเป็นบุคคล เป็นวิญญาณ เป็นต้นกำเนิดของพันธะทางศีลธรรมทั้งปวง เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์จะรับรู้ได้ นักเทววิทยาในศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลามสนับสนุนทรรศนะนี้เช่นนี้ ส่วนนักปรัชญาในสมัยกลางและสมัยใหม่ยังคงให้เหตุผลสนับสนุนและคัดค้านกันอยู่ว่าพระเป็นเจ้ามีจริงหรือไม่ พระเป็นเจ้ามีหลายพระนามแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมที่นับถือว่าจะมองพระองค์เป็นใครและมีแง่มุมต่าง ๆ อย่างไร เช่น คัมภีร์ฮีบรูและคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมระบุว่าพระเป็นเจ้ามีพระนามว่า “พระยาห์เวห์” หรือ “เราเป็น” แต่ในศาสนายูดาห์มักหลีกเลี่ยงการออกพระนามศักดิ์สิทธิ์นี้ แล้วออกพระนามว่า “เอโลฮิม” หรือ “อะโดนาย” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” แทน ในศาสนาอิสลามมีพระนามพระเป็นเจ้าถึง 99 พระนาม พระนามที่ใช้มากที่สุดคือ “อัลลอฮ์”
เอกเทวนิยม (อังกฤษ: Monotheism มาจากภาษากรีก: μόνος, monos – เดียว, และ θεός, theos – เทพ) คือความเชื่อว่ามีพระเป็นเจ้าเป็นเทวดาองค์เดียว หรือความเชื่อว่าพระเป็นเจ้าเป็นหนึ่งเดียว (ไม่ทรงแบ่งภาค) แนวคิดเอกเทวนิยมแบบบริสุทธิ์พบในศาสนายูดาห์และศาสนาอิสลาม ส่วนแบบอ่อนพบในศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่ ลัทธิซาเบียน นิกายมอรมอน และศาสนาอื่น ๆ เช่น ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนาบาไฮ ศาสนาซิกข์ และศาสนาฮินดูในบางสำนัก เอกเทวนิยมบริสุทธิ์ ศาสนิกชนในศาสนายูดาห์และศาสนาอิสลามยึดถือเรื่องเอกเทวนิยมบริสุทธิ์ (pure monotheism) จึงไม่ยอมรับว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม การที่คริสต์ศาสนิกชนอ้างว่าพระเจ้าเป็นตรีเอกภาพ คือมีสามพระบุคคล พระเจ้าพระบุคคลหนึ่งมารับสภาพมนุษย์เป็นพระเยซู ถือเป็นความเชื่อที่ผิดในทัศนะของศาสนายูดาห์และศาสนาอิสลาม ทั้งสองศาสนาถือว่าพระเจ้าเป็นพระผู้สร้างสิ่งเอกภพทั้งหมด ดังนั้นพระองค์จะมาอยู่ในรูปของสิ่งสร้างไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นดวงดาว สายฟ้า มนุษย์ กึ่งเทพ พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือขนมปังกับเหล้าองุ่น
บทนิยาม เอกเทวนิยมเชื่อว่ามีพระเจ้าเดียว ต่างจากพหุเทวนิยมที่เชื่อว่ามีพระเจ้าหรือเทพเจ้าหลายพระองค์ แต่พหุเทวนิยมก็อาจพิจารณาให้สอดคล้องได้กับเอกเทวนิยมแบบรวมหรือเอกนิยมในบางแบบ ความแตกต่างระหว่างเอกเทวนิยมและพหุเทวนิยมจึงไม่อาจนิยามได้อย่างชัดเจนเด็ดขาดในเชิงปรวิสัย เว้นแต่จะยึดการนิยามตามเอกเทวนิยมบริสุทธิ์ในศาสนายูดาห์และอิสลามเอกเทวนิยมต่างจากอติเทวนิยมที่แม้จะบูชาเทพเจ้าพระองค์เดียว แต่ก็ยอมรับว่าเทพเจ้าอื่น ๆ ก็มีอยู่จริง และต่างจากทวิเทวนิยมที่เชื่อว่ามีเทพเจ้าสูงสุด 2 องค์ตรงข้ามกัน ในลัทธิไญยนิยมมีลักษณะคล้ายกับทวิเทวนิยม แต่มองว่าเทพเจ้าฝ่ายความชั่วมีอำนาจต่ำกว่าเทเจ้าแห่งความดี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใกล้เคียงกับทัศนะเรื่องพระเจ้ากับซาตานในศาสนาคริสต์
เอกเทวนิยมมีอยู่หลายรูปแบบตามแต่มโนทัศน์เกี่ยวกับพระเจ้า
เทวัสนิยม (Deism) เชื่อว่ามีพระเจ้าพระองค์เดียว ทรงสร้างสรรค์ออกแบบจักรวาล บางกลุ่มเชื่อว่าพระเจ้าไม่ใช่บุคคลและไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับโลก แต่บางกลุ่มก็เชื่อว่าทรงมีส่วนร่วมกับโลกผ่านทางพระญาณสอดส่อง
เอกนิยม (Monism) เป็นเอกเทวนิยมในแบบที่พบในศาสนาฮินดู ซึ่งกินความถึงสรรพเทวนิยม สากลเทวนิยม และแนวคิดที่ว่าพระเจ้าทรงเป็นบุคคล
สรรพเทวนิยม (Pantheism) เชื่อว่าเอกภพนั่นองเป็นพระเจ้า และไม่มีธรรมชาติใดอยู่เหลือโลก
สรรพัชฌัตเทวนิยม (Panentheism) เป็นเอกเทวนิยมเชิงเอกนิยม เชื่อว่าพระเจ้าสถิตแทรกซึมอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ทุกสิ่ง (หรือเอกภพ) นั้นไม่ใช่พระเจ้า
เอกเทวนิยมสาระ (Substance monotheism) พบในศาสนาพื้นเมืองบางศาสนาในแอฟริกา เชื่อว่ามีเอกภพมีสาระที่สำคัญอย่างเดียว เทพเจ้าทั้งหลายคือสาระนั้นในรูปแบบที่ต่าง ๆ กัน
เอกเทวนิยมตรีเอกภาพ (Trinitarian monotheism) เป็นหลักความเชื่อในศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่ว่ามีพระเจ้าเดียว ผู้ทรงปรากฏเป็นสามพระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
คัมภีร์ไบเบิล หรือ พระคัมภีร์ (มาจากภาษากรีกโบราณว่า Βίβλος บิบลิออน แปลว่า หนังสือ) ชาวโปรเตสแตนต์เรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ (Holy Bible) เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระยาห์เวห์ มนุษย์ บาป และแผนการของพระยาห์เวห์ในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศอันเนื่องจากความบาปสู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งในบางเล่มมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนายูดาห์ของชาวยิว ชาวคริสต์เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น พระวจนะของพระเจ้า (Word of God) หนังสือดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Scripture) คริสตชนทุกคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกบททุกข้อนั้นมนุษย์เขียนขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า ประกอบด้วยหนังสือจำนวน 66 หรือ 73 หรือ 78 เล่ม (แล้วแต่นิกาย) ประกอบด้วยภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นก่อนที่พระเยซูคริสต์ประสูติ ทั้งหมดเขียนเป็นภาษาฮีบรู ยกเว้นส่วนที่เป็นคัมภีร์อธิกธรรม (ยอมรับเฉพาะชาวคาทอลิก) ถูกเขียนด้วยภาษากรีกและภาษาอียิปต์ ส่วนพันธสัญญาใหม่ถูกเขียนขึ้นหลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว โดยบันทึกถึงเรื่องราวของพระเยซูตลอดพระชนม์ชีพ รวมทั้งคำสอน และการประกาศข่าวดีแห่งความรอด การยอมรับการทรมาน และการไถ่บาปของมนุษย์โดยพระเยซู การกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มายังอัครทูต ประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในยุคแรกเริ่ม ภายหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูแล้ว การเบียดเบียนคริสตจักรในรูปแบบต่าง ๆ
พระยาห์เวห์ (อังกฤษ: Yahweh) พระเยโฮวาห์ (อังกฤษ: Jehovah) พระยะโฮวา (ศัพท์พยานพระยะโฮวา) (อังกฤษ: Yahova) ยฮวฮ (ศัพท์ศาสนายูดาห์) (ฮีบรู: יהוה; อังกฤษ: YHWH) เป็นพระนามของพระเป็นเจ้าที่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม (ทานัค) ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับภาษาไทยเล่มเก่านั้นปรากฏพระนามนี้อยู่หลายครั้ง ในคัมภีร์ดั้งเดิมเขียนด้วยอักษร 4 ตัว แต่เนื่องจากอักษร 4 ตัว นั้นผู้เขียนไม่ได้ใส่สระไว้ ทำให้การออกเสียงที่ถูกต้องถูกถ่ายทอดต่อกันมาโดยการพูด คัมภีร์ดั้งเดิมหรือต้นฉบับปรากฏพระนามนี้ประมาณ 7 พันครั้ง ในฉบับภาษาไทยเล่มเก่า ๆ ยังปรากฏพระนามนี้อยู่ การแปลในยุคต่อ ๆ มาได้เปลี่ยนพระนามมา 3 ครั้ง ปัจจุบันสะกดพระนามนี้ว่า ยาห์เวห์ ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า Yahweh ยฮวฮ คือพระนามของพระเป็นเจ้าสูงสุด ซึ่งปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940 หรือ “เยโฮวาห์” ซึ่งปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971 หรือ “ยาห์เวห์” ซึ่งปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 แต่เพื่อให้เกิดความเป็นสากลในทุกนิกาย ทั้งใน โรมันคาทอลิก โปรเตสแตนต์ อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ เมื่อออกพระนามพระเป็นเจ้าจะออกเสียงว่า “พระเจ้า” และ “ยฮวฮ” ในคัมภีร์ฮีบรู (ทานัค) ทุกฉบับ