พระเมตตาของพระเยซูเจ้า (อังกฤษ: divine mercy) เป็นรูปภาพของพระเยซูที่ประจักษ์แก่นักบุญโฟสตินา โควัลสกา รูปภาพนี้จะมีลักษณะเฉพาะคือ มีรูปพระเยซูยืนอยู่ พระหัตถ์ขวาอยู่ในท่าทีอวยพระพร พระหัตถ์ซ้ายจับที่พระหฤทัยและมีแสงสีขาวและสีแดงออกมาจากพระหฤทัย และใต้รูปนั้นมีคำว่า พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์ ภาพนี้เป็นภาพที่สำคัญของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ในปีค.ศ.1931 พระเยซูทรงปรากฏพระองค์แก่นักบุญโฟสตินาในนิมิต พระองค์ปรากฏในชุดสีขาว พระหัตถ์ขวายกท่าอวยพระพร มีลำแสงสองสีฉายมาจากพระหฤทัยมีสีขาวและสีแดง นักบุญโฟสตินาเพ่งมองพระเยซูอย่างเงียบๆ และพระองค์ตรัสกับนักบุญโฟสตินาว่า ลูกเอ๋ย จงไปวาดภาพแบบนี้มาตามที่ลูกเห็น พร้อมกับจารึกคำว่า พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์ เราสัญญาว่า วิญญาณหรือบุคคลใดที่เคารพในรูปภาพนี้ จะไม่พินาศ เราขอสัญญาด้วยว่า เขาจะชนะศัตรูของเขาตั้งแต่อยู่บนโลกใบนี้ โดยเฉพาะเมื่อใกล้จะตาย เราจะปกป้องวิญญาณนั้น เสมือนเป็นหนึ่งสิริมงคลของเราเอง เรากำลังเสนอภาชนะอย่างหนึ่ง ให้แก่คนทั้งหลาย ซึ่งเขาจะเข้ามาหาพระหรรษทานจากน้ำพุแห่งพระเมตตาของเราได้เสมอ ภาชนะนั้นคือรูปภาพซึ่งมีคำว่า พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์ เราต้องการให้ภาพนี้ได้รับการคารวะ เริ่มจากในโบสถ์คริสต์และขยายไปทั่วทั้งโลก
พระเยซู (อังกฤษ: Jesus) หรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ (อังกฤษ: Jesus of Nazareth; 4-2 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 30-33) เป็นชาวยิวผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนเรียกพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ เพราะถือว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ นอกจากนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังบันทึกว่าพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ทรงรักษาคนตาบอดให้หายขาด รักษาคนพิการ โดยตรัสว่า บาปของเจ้าได้รับการให้อภัยแล้ว หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายหลังสิ้นพระชนม์ได้เพียง 3 วัน และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูเช่นกัน แต่เชื่อต่างจากชาวคริสต์ โดยชาวมุสลิมเรียกพระเยซูว่านบีอีซา คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าพระเยซูไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า และเป็นเราะซูลที่พระเจ้าส่งมาเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมให้แก่ชาวอิสราเอลเช่นเดียวกับเราะซูลอื่น ๆ นอกจากนี้กุรอานยังอ้างว่าพระเยซูได้ทำนายถึงเราะซูลอีกท่านหนึ่งที่จะมาในอนาคตด้วยว่าชื่ออะหมัด
คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์ที่พยากรณ์ไว้ในคัมภีร์ฮีบรู ซึ่งในศาสนาคริสต์เรียกว่า “พันธสัญญาเดิม” พื้นฐานเทววิทยาศาสนาคริสต์นั้นแสดงออกมาในหลักข้อเชื่อสากล (ecumenical creed) ที่มีมาตั้งแต่ศาสนาคริสต์ยุคแรก และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในบรรดาคริสต์ศาสนิกชน การประกาศความเชื่อนี้มีอยู่ว่า พระเยซูทรงรับพระทรมาน สิ้นพระชนม์ และถูกฝังไว้ ก่อนจะคืนพระชนม์เพื่อให้ชีวิตนิรันดร์แก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์และไว้วางใจว่าพระองค์เป็นผู้ไถ่บาป พวกเขายังเชื่ออีกว่าพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ที่ซึ่งพระองค์ทรงควบคุมและปกครองรวมกับพระเจ้าพระบิดา นิกายส่วนใหญ่สอนว่าพระเยซูจะกลับมาพิพากษามนุษย์ทุกคน ทั้งคนเป็นและคนตาย และให้ชีวิตนิรันดร์แก่สาวกของพระองค์ พระองค์ทรงถูกมองว่าเป็นแบบอย่างของชีวิตอันดีงาม และเป็นทั้งผู้เผยพระวจนะและเป็นพระเจ้าลงมารับสภาพมนุษย์ ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ศาสนาคริสต์มีศาสนิกชนประมาณ 2.4 พันล้านคนทั่วโลก คิดเป็นประมาณ 33% หรือหนึ่งในสี่ถึงหนึ่งในสามของประชากรโลก และเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นศาสนาประจำชาติในหลายประเทศ
ความหมายของลำแสงทั้งสอง ขณะที่เธอวาดรูปนั้นอยู่ จิตตาธิการของนักบุญโฟสตินา ขอให้เธอถามพระเยซูเจ้าถึงความหมายของแสงสองสีที่ออกมาจากพระหฤทัยของพระเยซูในภาพที่เธอกำลังวาด เธอภาวนาต่อพระเยซู และได้คำตอบจากพระเยซูเจ้ามาว่า..แสงทั้งสองหมายถึงโลหิตและน้ำ ลำแสงสีขาวหมายถึงน้ำที่ทำให้วิญญาณที่วางใจในเรานั้นบริสุทธิ์ ส่วนแสงสีแดงหมายถึงโลหิตซึ่งเป็นชีวิตของวิญญาณ ลำแสงทั้งสองนี้ออกมาจากส่วนลึกที่สุดของพระเมตตาอันอ่อนหวานของเรา เมื่อดวงใจอันทุกข์ระทมของเราเปิดออกด้วยหอกตอนที่เราอยู่บนกางเขน นับเป็นบุญกับผู้ที่หลบภัยอยู่กับลำแสงนี้ เพราะพระหัตถ์อันยุติธรรมของพระเจ้าจะไม่จับต้องเขา (หมายถึงการพิพากษาลงโทษของพระเจ้าจะไม่จับต้องเขาเลย) ด้วยภาพนี้ เราจะให้พระหรรษทานมากมายแก่วิญญาณทั้งหลาย ภาพนี้จะทำให้ระลึกถึงสิ่งที่ความเมตตาของเราเรียกร้องด้วยความเชื่อ
หลังจากการวาดภาพ นักบุญโฟสตินาได้วาดภาพพระเมตตาของพระเยซูเจ้าอยู่หลายครั้ง แต่ละครั้งนั้นแตกต่างกัน เมื่อนักบุญโฟสตินาได้วาดภาพแรกออกมานั้นเธอร้องไห้ด้วยความผิดหวัง และพร่ำบ่นว่า ใครเล่าจะวาดภาพของพระองค์ให้งดงามเท่าพระองค์จริงได้ พระเยซูตรัสกับเธอว่า ความยิ่งใหญ่ของภาพนี้ไม่ได้อยู่ที่ความงามลายเส้นพู่กันหรือสีสันของภาพ แต่อยู่ที่พระหรรษทานของเรา และรูปภาพพระเมตตาก็ได้รับการเผยแพร่และเป็นที่ศรัทธาเป็นอย่างมากในโปแลนด์และลิทัวเนีย คนเริ่มประกาศเรื่องนี้ไปทั่วทุกสารทิศ ในปีค.ศ.1978 สันตะสำนักมีการสั่งห้ามเผยแพร่เรื่องพระเมตตาของพระเยซูเจ้า เพราะได้รับข่าวเรื่องของพระเมตตาที่ผิดพลาด แต่ในตอนหลังก็มีการอนุญาตให้ประกาศต่อไปได้ และสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ยอมรับให้ซิสเตอร์โฟสตินา โควัลสกา เป็นนักบุญเมื่อค.ศ.2000 และภาพนี้ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก