ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งเบลมอนเต เป็นนักบุญและมรณสักขีในศาสนาคริสต์ เสียชีวิตที่ประเทศอาร์มีเนีย บารโธโลมิวเป็นหนึ่งในอัครทูตของพระเยซู ชื่อ “บารโธโลมิว” มาจากภาษาแอราเมอิก “bar-Tôlmay” (תולמי-בר) หมายความว่า “ลูกของโทลเม” (โทเลมี) หรืออาจจะเป็น “ลูกของคนไถนา” บางครั้งก็เชื่อกันว่าเป็นนามสกุลมากกว่าจะเป็นชื่อตัว
การอ้างอิงในคัมภีร์ไบเบิล บาร์โทโลมิวปรากฏในรายนามของอัครทูตในพระวรสารสหทรรศน์ (พระวรสารนักบุญมัทธิว, พระวรสารนักบุญมาระโก, และพระวรสารนักบุญลูกา) และเป็นผู้หนึ่งที่เห็นการเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซู
นาธานาเอล เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9 นักบุญบารโธโลมิว มึชื่อเกี่ยวกับ “นาธานาเอล” (Nathanael) ซึ่งเป็นชื่อที่ปรากฏในพระวรสารนักบุญจอห์น ในพระวรสารสหทรรศนักบุญฟีลิปอัครทูตและนักบุญบารโธโลมิวมักจะกล่าวถึงพร้อมกันขณะที่ชื่อ “นาธานาเอล” ไม่มีการกล่าวถึง แต่ในพระวรสารนักบุญยอห์น นักบุญฟีลิปและ “นาธานาเอล” มักจะปรากฏชื่อพร้อมกัน แต่ไม่มีการกล่าวถึง “บารโธโลมิว” นักวิชาการทางคัมภีร์ไบเบิลไม่เห็นด้วยว่า “นาธานาเอล” กับ “บารโธโลมิว” เป็นคนคนเดียวกัน ในพระวรสารนักบุญยอห์น กล่าวว่า “นาธานาเอล” เป็นเพื่อนของนักบุญฟีลิป และเมื่อเริ่มแรกมีความข้องใจถึงเรื่อง “เมสสิยาห์” มาจากนาซาเรธโดยกล่าวว่า “จะมีอะไรดีมาได้จากนาซาเรธ” แต่จะอย่างไรก็ตาม ก็ตามฟิลิปไป พระเยซูพอเห็นนาธานาเอลก็กล่าวว่า “เป็นชาวอิสราเอลที่แท้จริง หลอกไม่ได้” นักวิชาการบางคนกล่าวว่า พระเยซูกล่าวว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกเจ้า เมื่อเจ้ายืนอยู่ใต้ต้นฟิก ข้าเห็นเจ้า” เป็นคำกล่าวที่มีพื้นฐานมาจากการพูดแบบชาวยิวจากคัมภีร์โทราห์ “นาธานาเอล” ยอมรับว่าพระเยซูเป็น “พระบุตรของพระเจ้า” และ “กษัตริย์ของชาวอิสราเอล” “นาธานาเอล” ปรากฏอีกครั้งในตอนจบของพระวรสารนักบุญยอห์น ว่าเป็นสาวกซึ่งพระเยซูมาปรากฏตัวให้เห็นที่ทะเลไทบีเรียสหลังจากทรงคืนพระชนม์
คัมภีร์ไบเบิล หรือ พระคัมภีร์ (มาจากภาษากรีกโบราณว่า Βίβλος บิบลิออน แปลว่า หนังสือ) ชาวโปรเตสแตนต์เรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ (Holy Bible) เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระยาห์เวห์ มนุษย์ บาป และแผนการของพระยาห์เวห์ในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศอันเนื่องจากความบาปสู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งในบางเล่มมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนายูดาห์ของชาวยิว ชาวคริสต์เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น พระวจนะของพระเจ้า (Word of God) หนังสือดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Scripture) คริสตชนทุกคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกบททุกข้อนั้นมนุษย์เขียนขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า ประกอบด้วยหนังสือจำนวน 66 หรือ 73 หรือ 78 เล่ม (แล้วแต่นิกาย) ประกอบด้วยภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นก่อนที่พระเยซูคริสต์ประสูติ ทั้งหมดเขียนเป็นภาษาฮีบรู ยกเว้นส่วนที่เป็นคัมภีร์อธิกธรรม (ยอมรับเฉพาะชาวคาทอลิก) ถูกเขียนด้วยภาษากรีกและภาษาอียิปต์ ส่วนพันธสัญญาใหม่ถูกเขียนขึ้นหลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว โดยบันทึกถึงเรื่องราวของพระเยซูตลอดพระชนม์ชีพ รวมทั้งคำสอน และการประกาศข่าวดีแห่งความรอด การยอมรับการทรมาน และการไถ่บาปของมนุษย์โดยพระเยซู การกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มายังอัครทูต ประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในยุคแรกเริ่ม ภายหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูแล้ว การเบียดเบียนคริสตจักรในรูปแบบต่าง ๆ
พระศาสนจักรคาทอลิก (อังกฤษ: Catholic Church) หรือ คริสตจักรโรมันคาทอลิก (Roman Catholic Church) เป็นคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีศาสนิกชนกว่า 1.3 พันล้านคนในปี ค.ศ. 2017 เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดที่ยังดำเนินกิจการอยู่ และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อารยธรรมตะวันตก พระสันตะปาปาทรงเป็นประมุขและปกครองศาสนจักรนี้ผ่านสันตะสำนัก ในศาสนจักรโรมันคาทอลิกประกอบด้วยคริสตจักรละตินและคริสตจักรคาทอลิกตะวันออก ชาวคาทอลิกเชื่อว่าพระเยซูมีพระมหาบัญชาตั้งศาสนจักรขึ้นให้เป็นหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ สากล และสืบมาจากอัครทูต ดยมีมุขนายกสืบทอดหน้าที่จากอัครทูต และพระสันตะปาปาสืบมาจากนักบุญเปโตร ซึ่งพระเยซูทรงยกเป็นเอกในบรรดาอัครทูต ศาสนจักรคาทอลิกให้ความสำคัญกับศีลมหาสนิทที่สุดในบรรดาศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และฉลองศีลนี้ในพิธีมิสซา โดยเชื่อว่าไวน์และปังที่บาทหลวงเสกในพิธีนี้จะเปลี่ยนสารเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซู และมีหลักคำสอนให้นับถือพระนางมารีย์พรหมจารีเป็นพระมารดาพระเจ้าและราชินีแห่งสวรรค์ นอกจากนี้ยังเชื่อในพระเมตตา การชำระให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อ การประกาศพระวรสาร และทำงานเพื่อสังคม ศาสนจักรคาทอลิกจึงเป็นองค์กรเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดการศึกษาและบริการสุขภาพ ในประเทศไทยเรียกคริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกว่า “คริสตัง”
คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์ที่พยากรณ์ไว้ในคัมภีร์ฮีบรู ซึ่งในศาสนาคริสต์เรียกว่า “พันธสัญญาเดิม” พื้นฐานเทววิทยาศาสนาคริสต์นั้นแสดงออกมาในหลักข้อเชื่อสากล (ecumenical creed) ที่มีมาตั้งแต่ศาสนาคริสต์ยุคแรก และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในบรรดาคริสต์ศาสนิกชน การประกาศความเชื่อนี้มีอยู่ว่า พระเยซูทรงรับพระทรมาน สิ้นพระชนม์ และถูกฝังไว้ ก่อนจะคืนพระชนม์เพื่อให้ชีวิตนิรันดร์แก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์และไว้วางใจว่าพระองค์เป็นผู้ไถ่บาป พวกเขายังเชื่ออีกว่าพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ที่ซึ่งพระองค์ทรงควบคุมและปกครองรวมกับพระเจ้าพระบิดา นิกายส่วนใหญ่สอนว่าพระเยซูจะกลับมาพิพากษามนุษย์ทุกคน ทั้งคนเป็นและคนตาย และให้ชีวิตนิรันดร์แก่สาวกของพระองค์ พระองค์ทรงถูกมองว่าเป็นแบบอย่างของชีวิตอันดีงาม และเป็นทั้งผู้เผยพระวจนะและเป็นพระเจ้าลงมารับสภาพมนุษย์ ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ศาสนาคริสต์มีศาสนิกชนประมาณ 2.4 พันล้านคนทั่วโลก คิดเป็นประมาณ 33% หรือหนึ่งในสี่ถึงหนึ่งในสามของประชากรโลก และเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นศาสนาประจำชาติในหลายประเทศ