ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งเกรอา ซีโมนเศโลเท (กรีก: Σίμων ο Ζηλωτής) หรือซีโมนผู้ร้อนรน (Simon the Zealot) หรือซีโมน พรรคชาตินิยม (Simon the Canaanite) เป็นหนึ่งในอัครทูตของพระเยซู เสียชีวิตราว ค.ศ. 107 แต่เป็นองค์ที่รู้จักกันน้อยที่สุดและมีหลักฐานที่กล่าวถึงเพียงเล็กน้อย ชื่อซีโมนปรากฏใน “พระวรสารสหทรรศน์” และในหนังสือกิจการของอัครทูตที่มีรายนามของสาวกแต่ไม่มีรายละเอียด ความว่า ซีโมนที่พระองค์ทรงให้ชื่อว่าเปโตร อันดรูว์น้องชายของเปโตร ยากอบและยอห์น ฟีลิปและบารโธโลมิว มัทธิวและโธมัส ยากอบ บุตรอัลเฟอัส ซีโมนที่เรียกกันว่าเศโลเท ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาส อิสคาริโอท ผู้ซึ่งต่อมาทรยศพระองค์ เพื่อให้ต่างจากซีโมนเปโตร นักบุญซีโมนเศโลเทจึงถูกเรียกว่าสมาชิกพรรคชาตินิยม (Kananaios; Kananites) และรายนามของสาวกใน , ถูกบ่งไว้ในหนังสือกิจการ , “Zealot” มาจากภาษาฮิบรู “qana” (คานา) ที่แปลว่ากระตือรือร้น แต่นักบุญเจอโรมและผู้เขียนบางคนตีความหมายผิดไปว่าเป็นผู้มาจากเมือง “Cana” (คานา) หรือ มาจากแคว้น “Canaan” (คานาอัน) ศาสนาคริสต์ตะวันตกเชื่อว่าซีโมนและยูดาอัครทูตได้พลีชีพเป็นมรณสักขีที่เปอร์เซีย แต่ศาสนาคริสต์ตะวันออกเชื่อว่าซีโมนถึงแก่กรรมอย่างสงบที่เอเดสซา
ศาสนาคริสต์ (อังกฤษ: Christianity) ราชบัณฑิตยสถานเรียกว่า คริสต์ศาสนา เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ที่มีพื้นฐานมาจากชีวิตและการสอนของพระเยซูตามที่ปรากฏในพระวรสารในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียนพันธสัญญาใหม่อื่น ๆ ผู้นับถือศาสนาคริสต์เรียกว่าคริสต์ศาสนิกชนหรือคริสตชน คริสตชนเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าผู้มาบังเกิดเป็นมนุษย์และเป็นพระผู้ไถ่ ด้วยเหตุนี้ คริสตชนจึงมักเรียกพระเยซูว่า “พระคริสต์” หรือ “พระเมสสิยาห์” ศาสนาคริสต์ปัจจุบันแบ่งเป็นสามนิกายใหญ่ คือ โรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และโปรเตสแตนต์ ซึ่งยังแบ่งนิกายย่อยได้อีกหลายนิกาย เขตอัครบิดรโรมันคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์แยกออกจากกันในช่วงศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตก (East–West Schism) ใน ค.ศ. 1054 และนิกายโปรเตสแตนต์เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งแยกตัวออกจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก
พระศาสนจักรคาทอลิก (อังกฤษ: Catholic Church) หรือ คริสตจักรโรมันคาทอลิก (Roman Catholic Church) เป็นคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีศาสนิกชนกว่า 1.3 พันล้านคนในปี ค.ศ. 2017 เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดที่ยังดำเนินกิจการอยู่ และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อารยธรรมตะวันตก พระสันตะปาปาทรงเป็นประมุขและปกครองศาสนจักรนี้ผ่านสันตะสำนัก ในศาสนจักรโรมันคาทอลิกประกอบด้วยคริสตจักรละตินและคริสตจักรคาทอลิกตะวันออก ชาวคาทอลิกเชื่อว่าพระเยซูมีพระมหาบัญชาตั้งศาสนจักรขึ้นให้เป็นหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ สากล และสืบมาจากอัครทูต ดยมีมุขนายกสืบทอดหน้าที่จากอัครทูต และพระสันตะปาปาสืบมาจากนักบุญเปโตร ซึ่งพระเยซูทรงยกเป็นเอกในบรรดาอัครทูต ศาสนจักรคาทอลิกให้ความสำคัญกับศีลมหาสนิทที่สุดในบรรดาศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และฉลองศีลนี้ในพิธีมิสซา โดยเชื่อว่าไวน์และปังที่บาทหลวงเสกในพิธีนี้จะเปลี่ยนสารเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซู และมีหลักคำสอนให้นับถือพระนางมารีย์พรหมจารีเป็นพระมารดาพระเจ้าและราชินีแห่งสวรรค์ นอกจากนี้ยังเชื่อในพระเมตตา การชำระให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อ การประกาศพระวรสาร และทำงานเพื่อสังคม ศาสนจักรคาทอลิกจึงเป็นองค์กรเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดการศึกษาและบริการสุขภาพ ในประเทศไทยเรียกคริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกว่า “คริสตัง”
คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์ที่พยากรณ์ไว้ในคัมภีร์ฮีบรู ซึ่งในศาสนาคริสต์เรียกว่า “พันธสัญญาเดิม” พื้นฐานเทววิทยาศาสนาคริสต์นั้นแสดงออกมาในหลักข้อเชื่อสากล (ecumenical creed) ที่มีมาตั้งแต่ศาสนาคริสต์ยุคแรก และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในบรรดาคริสต์ศาสนิกชน การประกาศความเชื่อนี้มีอยู่ว่า พระเยซูทรงรับพระทรมาน สิ้นพระชนม์ และถูกฝังไว้ ก่อนจะคืนพระชนม์เพื่อให้ชีวิตนิรันดร์แก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์และไว้วางใจว่าพระองค์เป็นผู้ไถ่บาป พวกเขายังเชื่ออีกว่าพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ที่ซึ่งพระองค์ทรงควบคุมและปกครองรวมกับพระเจ้าพระบิดา นิกายส่วนใหญ่สอนว่าพระเยซูจะกลับมาพิพากษามนุษย์ทุกคน ทั้งคนเป็นและคนตาย และให้ชีวิตนิรันดร์แก่สาวกของพระองค์ พระองค์ทรงถูกมองว่าเป็นแบบอย่างของชีวิตอันดีงาม และเป็นทั้งผู้เผยพระวจนะและเป็นพระเจ้าลงมารับสภาพมนุษย์ ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ศาสนาคริสต์มีศาสนิกชนประมาณ 2.4 พันล้านคนทั่วโลก คิดเป็นประมาณ 33% หรือหนึ่งในสี่ถึงหนึ่งในสามของประชากรโลก และเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นศาสนาประจำชาติในหลายประเทศ
คัมภีร์ไบเบิล หรือ พระคัมภีร์ (มาจากภาษากรีกโบราณว่า Βίβλος บิบลิออน แปลว่า หนังสือ) ชาวโปรเตสแตนต์เรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ (Holy Bible) เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระยาห์เวห์ มนุษย์ บาป และแผนการของพระยาห์เวห์ในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศอันเนื่องจากความบาปสู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งในบางเล่มมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนายูดาห์ของชาวยิว ชาวคริสต์เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น พระวจนะของพระเจ้า (Word of God) หนังสือดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Scripture) คริสตชนทุกคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกบททุกข้อนั้นมนุษย์เขียนขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า ประกอบด้วยหนังสือจำนวน 66 หรือ 73 หรือ 78 เล่ม (แล้วแต่นิกาย) ประกอบด้วยภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นก่อนที่พระเยซูคริสต์ประสูติ ทั้งหมดเขียนเป็นภาษาฮีบรู ยกเว้นส่วนที่เป็นคัมภีร์อธิกธรรม (ยอมรับเฉพาะชาวคาทอลิก) ถูกเขียนด้วยภาษากรีกและภาษาอียิปต์ ส่วนพันธสัญญาใหม่ถูกเขียนขึ้นหลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว โดยบันทึกถึงเรื่องราวของพระเยซูตลอดพระชนม์ชีพ รวมทั้งคำสอน และการประกาศข่าวดีแห่งความรอด การยอมรับการทรมาน และการไถ่บาปของมนุษย์โดยพระเยซู การกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มายังอัครทูต ประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในยุคแรกเริ่ม ภายหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูแล้ว การเบียดเบียนคริสตจักรในรูปแบบต่าง ๆ