ในเทพปกรณัมกรีก เทพเจ้าแห่งโอลิมปัส (θεοί του Ολύμπου) เป็นเทพเจ้าหลักของศาสนากรีกโบราณ โดยมากถือว่าประกอบด้วยซูส ฮีรา โพไซดอน ดิมีเทอร์ อะธีนา อะพอลโล อาร์ทิมิส แอรีส แอโฟรไดที ฮิฟีสตัส เฮอร์มีส และเฮสเตียหรือไดอะไนซัส บางครั้งรวมเฮดีสและเพอร์เซฟะนีเป็นส่วนหนึ่งของสิบสองเทพโอลิมปัสด้วย แต่โดยทั่วไปไม่นับเฮดีส เพราะพระองค์ประทับอย่างถาวรในโลกบาดาลและไม่เคยเสด็จเยือนยอดเขาโอลิมปัส บางครั้งนับรวมเฮราคลีสและอัสคลิปิอุสเช่นกันประมวลเรื่องปรัมปรากรีก (กรีกโบราณ: ΜΥΘΟΛΟΓΊΑ ΕΛΛΗΝΙΚΉ) เป็นประมวลเรื่องปรัมปราของอารยธรรมกรีกโบราณ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับนิทานปรัมปราและตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้า, วีรบุรุษ, ธรรมชาติของโลก รวมถึงจุดกำเนิดและความสำคัญของขนบ คติและจารีตพิธีในทางศาสนาของชาวกรีกโบราณ ประมวลเรื่องปรัมปรากรีกเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาในกรีซโบราณ นักวิชาการสมัยใหม่มักอ้างถึงและศึกษาเรื่องปรัมปราเหล่านี้ เพื่อที่จะทราบเกี่ยวกับสถาบันทางศาสนา, สถาบันทางการเมืองในกรีซโบราณ, อารยธรรมของชาวกรีก และเพื่อเพิ่มความเข้าใจในธรรมชาติของการสร้างตำนานประมวลเรื่องปรัมปราขึ้น ประมวลเรื่องปรัมปรากรีกรวบรวมขึ้นจากเรื่องเล่าและศิลปะที่แสดงออกในวัฒนธรรมกรีก เช่น การระบายสีแจกันและของแก้บน ตำนานกรีกอธิบายถึงการถือกำเนิดของโลก และรายละเอียดของเรื่องราวในชีวิต และการผจญภัยของบรรดาเทพเจ้า เทพธิดา วีรบุรุษ วีรสตรี และสิ่งมีชีวิตในตำนานอื่น ๆ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ในตอนแรกเป็นเพียงการสืบทอดผ่านบทกวีตามประเพณีมุขปาฐะเท่านั้น ซึ่งอาจสืบย้อนหลังไปได้ถึงสมัยไมนอส และสมัยไมซีนี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ก่อนค.ศ. แต่ปัจจุบันเรื่องราวปรัมปราเหล่านี้ เราทราบจากวรรณกรรมกรีกโบราณทั้งสิ้น
วรรณกรรมกรีกที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่รู้จักกันคือ มหากาพย์ อีเลียด และ โอดิสซีย์ ของโฮเมอร์ ซึ่งจับเรื่องราวเหตุการณ์ในระหว่างสงครามเมืองทรอย นอกจากนี้มีบทกวีมหากาพย์ร่วมสมัยอีกสองชุดของเฮสิโอดกวีร่วมสมัยของโฮเมอร์ คือ ธีออโกนี และ งานและวัน เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการกำเนิดโลก พงศาวลีของผู้ปกครองกึ่งเทพ การผลัดเปลี่ยนยุคสมัยของมนุษย์ ต้นกำเนิดความทุกข์ยากของมนุษย์ และพิธีบูชายัญต่าง ๆ เรื่องเล่าปรัมปรายังพบได้ในบทเพลงสวดสรรเสริญของโฮเมอร์ (Homeric hymns) จากส่วนเสี้ยวที่หลงเหลือของบทกวีมหากาพย์ใน วัฎมหากาพย์ (Epic Cycle) จากบทร้อยกรองประกอบพิณ (lyric poems) จากงานละครโศกนาฏกรรมและสุขนาฎกรรมในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล จากงานเขียนของปราชญ์และกวีในยุคเฮเลนนิสติก และในตำราจากยุคของจักรวรรดิโรมันที่เขียนโดยพลูตาร์คกับเพาซานิอัส งานค้นพบของนักโบราณคดีเป็นแหล่งข้อมูลอย่างละเอียดของประมวลเรื่องปรัมปรากรีก เพราะมีภาพของเทพและวีรบุรุษกรีกมากมายเป็นเนื้อหาหลักอยู่ในการตกแต่งสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ภาพเรขาคณิตบนเครื่องปั้นดินเผาในยุคศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาลแสดงให้เห็นฉากต่าง ๆ ในสงครามเมืองทรอย รวมไปถึงการผจญภัยของเฮราคลีส ในยุคต่อ ๆ มาเช่น กรีซยุคอาร์เคอิก ยุคคลาสสิก และสมัยเฮลเลนิสต์ ก็พบภาพฉากเกี่ยวกับมหากาพย์ของโฮเมอร์และตำนานปรัมปราอื่น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มเติมแก่หลักฐานทางวรรณกรรมที่มีอยู่
ประมวลเรื่องปรัมปรากรีกมีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรม ศิลปะ และวรรณกรรมของอารยธรรมตะวันตก รวมถึงมรดกและภาษาทางตะวันตกด้วย กวีและศิลปินมากมายนับแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบันได้รับแรงบันดาลใจจากประมวลเรื่องปรัมปรากรีก และได้คิดค้นนัยยะร่วมสมัยกับการตีความใหม่ที่สัมพันธ์กับตำนานปรัมปราเหล่านี้การค้นพบอารยธรรมไมซีนี โดยนักโบราณคดีสมัครเล่น ไฮน์ริช ชลีมาน ในศตวรรษที่ 19 และการค้นพบอารยธรรมไมนอสที่เกาะครีตโดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษ อาร์เธอร์ อีวานส์ ในศตวรรษที่ 20 มีส่วนช่วยอธิบายเกี่ยวกับมหากาพย์ของโฮเมอร์ และให้หลักฐานรับรองทางโบราณคดีเกี่ยวกับรายละเอียดของนิทานปรัมปราหลาย ๆ เรื่อง อย่างไรก็ดีหลักฐานเหล่านี้เป็นหลักฐานสิ่งปลูกสร้างและอนุสาวรีย์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีการใช้ตัวอักษรเขียนเพื่อจดบันทึกเรื่องราว และแผ่นจารึกไลเนียร์บีที่ขุดพบ ก็เป็นเพียงบันทึกเกี่ยวกับคลังเก็บสินค้าเท่านั้น การตกแต่งด้วยลวดลายเราขาคณิตบนเครื่องปั้นดินเผาสมัยศตวรรษที่ 8 ก่อนค.ศ. แสดงภาพเนื้อเรื่องของวัฎมหากาพย์กรุงทรอย และการผจญภัยของเฮราคลีส การแสดงออกเชิงประจักษ์ของเรื่องราวปรัมปราเหล่านี้มีความสำคัญสองประการ ประการแรก ตำนานปรัมปราส่วนใหญ่ปรากฏอยู่บนเครื่องปั้นดินเผารูปเขียนสี ก่อนที่จะมีหลักฐานทางวรรณคดีนานหลายศตวรรษ ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของวีรกรรมสิบสองประการของเฮราคลีส มีแค่การผจญสุนัขปีศาจเคเบรอสเท่านั้นที่มีบันทึกไว้ในวรรณกรรมร่วมสมัย ประการที่สอง แหล่งข้อมูลเชิงประจักษ์บางครั้งแสดงรายละเอียด หรือฉากของเรื่องราวในตำนานที่ไม่ปรากฏอยู่ในแหล่งข้อมูลทางวรรณคดีใด ๆ เลย ในสมัยอาร์เคอิก (ปีที่ 750-500 ก่อนค.ศ.), สมัยคลาสสิก (ปีที่ 480-323 ก่อนค.ศ.), และสมัยเฮลเลนิสติก (ปีที่ 323-146 ก่อนค.ศ.) หลักฐานเชิงประจักษ์เหล่านี้มีบทบาทในการสนับสนุนและเพิ่มเติมหลักฐานทางวรรณคดีการปูพื้นหลังเกี่ยวกับตำนานประมวลเรื่องปรัมปรามีบทบาทอย่างมากกับวรรณกรรมกรีกโบราณในทุกสาขา ถึงกระนั้น หนังสือตำนานปรัมปราเพียงเล่มเดียวที่เหลือรอดมาจากยุคกรีกโบราณ ก็คือ Library หรือ บิบลิโอเธกา (Bibliotheca) ของอพอลโลดอรัสตัวปลอม งานชิ้นนี้พยายามหาข้อยุติในความขัดแย้งกันระหว่างเรื่องเล่าต่าง ๆ ของบทกวีมากมาย และพยายามเรียบเรียงออกมาเป็นตำนานเทพเจ้าและวีรบุรุษกรีกในยุคดั้งเดิม อพอลโลดอรัสแห่งเอเธนส์มีชีวิตในช่วงปีที่ 180-125 ก่อนคริสตกาล และเขียนเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นหลายชิ้น งานเขียนของเขาอาจจัดเป็นชุดที่ต่อเนื่องกัน แต่ “Library” นั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการเสียชีวิตของเขาเป็นเวลานาน ดังนั้นมันจึงได้ชื่อว่าเป็นของอพอลโลดอรัสเทียม
ในบรรดาแหล่งข้อมูลที่เก่าแก่ที่สุด มีบทกวีมหากาพย์ของโฮเมอร์ สองเรื่อง คือ อีเลียด และ โอดิสซีย์ นอกจากนี้ยังมีกวีรายอื่นอีกที่ช่วยเติมเต็ม “วัฏมหากาพย์” ทว่าในภายหลังต่างสูญหายไปเกือบหมด บทกวีเหล่านี้มักเรียกกันว่า “เพลงสวดของโฮเมอร์” (Homeric Hymns) แต่อันที่จริงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับโฮเมอร์เลย มันเป็นบทสวดสรรเสริญที่สืบทอดมาแต่ยุคบทกวีไลริค (Lyric Poetry) เฮสิโอดซึ่งน่าจะเป็นกวีร่วมสมัยกับโฮเมอร์ ได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับตำนานกรีกที่เก่าแก่ที่สุดไว้ในผลงานชื่อ ธีออโกนี (เทวพงศาวดาร) โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างโลก พงศาวดารการกำเนิดของเทพเจ้าต่าง ๆ ตลอดจนพงศาวลีที่มีรายละเอียดสูง มีนิทานพื้นบ้าน และตำนานเกี่ยวกับจุดกำเนิดของสิ่งต่าง ๆ ในงานเขียนของเฮสิโอดอีกเรื่องคือ งานและวัน (Works and Days) ซึ่งเป็นบทกวีสั่งสอนเกี่ยวกับชีวิตในไร่ ได้รวมเอาตำนานเกี่ยวกับโพรมีเทียส แพนดอรา และยุคทั้งห้าของมนุษยชาติเอาไว้ด้วย ผู้ประพันธ์ได้แนะนำวิธีที่ดีที่สุดในการประสบความสำเร็จในโลกอันแสนอันตราย ซึ่งยิ่งถูกทำให้เป็นอันตรายมากขึ้นโดยพวกเทพนั่นเอง บทกวีประกอบเสียงพิณ (lyric poetry) มักจะนำเนื้อเรื่องมาจากตำนาน
แต่วิธีการเล่าจะมีเนื้อหาน้อยกว่าและค่อนข้างคลุมเครือกว่า กวีเพลงของกรีกซึ่งรวมไปถึง พินดาร์, แบคคิลิดีส (Bacchylides), ไซโมนิดีส (Simonides of Ceos) และกวีท้องทุ่ง (bucolic poet) หรือพาสโตรัล เช่น ธีโอคริตัส (Theocritus) และ ไบออนแห่งสเมอร์นา (Bion of Smyrna) มักรวมเอาเหตุการณ์เหนือธรรมชาติของแต่ละคนเข้าไปด้วย นอกจากนี้ นิทานประมวลเรื่องปรัมปรายังเป็นแกนกลางของศิลปะการละครในเอเธนส์ยุคคลาสสิก นักเขียนบทละครโศกนาฏกรรม เช่น เอสคิลัส, โซโฟคลีส, และ ยูริพิดีส ใช้พล็อตเรื่องส่วนใหญ่จากตำนานในยุคแห่งวีรบุรุษและสงครามเมืองทรอย เรื่องราวโศกนาฏกรรมที่สำคัญ ๆ (เช่น อะกาเมมนอนกับลูก ๆ, อีดิปัส, เจสัน, เมเดีย, ฯลฯ) ก็ถูกเล่าผ่านละครโศกนาฏกรรมของกวีที่สำคัญเหล่านี้ จนกลายเป็นเวอร์ชันที่ยอมรับกันเป็นมาตรฐาน อริสโตฟานีส นักเขียนบทละครตลกขบขันยังใช้ตำนานเหล่านี้ในงานบทละครเรื่อง วิหก (The Birds) และ กบ The Frogs นักประวัติศาสตร์ เฮโรโดตัส และ ดิโอดอรัส ซิคุลัส กับนักภูมิศาสตร์ เปาซาเนีย และ สตราโบ ซึ่งเดินทางไปทั่วแผ่นดินกรีกและบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยิน ได้ให้ข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับตำนานและเรื่องเล่าของท้องถิ่น โดยมักจะเป็นเวอร์ชันที่ต่างออกไปและไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะเฮรอโดตัสนั้นเที่ยวค้นหาประเพณีต่าง ๆ ที่ตนพบเจอและพบรากฐานทางประวัติศาสตร์หรือตำนานปรัมปราอยู่ในการเผชิญหน้าระหว่างกรีกกับประเทศตะวันออก เฮรอโดตัสพยายามจะนำต้นกำเนิดต่าง ๆ เหล่านี้ที่มาจากต้นกำเนิดวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานเข้าด้วยกัน