Daily Archives: January 7, 2022

แม่พระแห่งลูกประคำ (การาวัจโจ)

การเสด็จสู่แดนผู้ตาย เป็นหลักความเชื่อหนึ่งในเทววิทยาคริสเตียนตามหลักข้อเชื่อของอัครทูตและหลักข้อเชื่ออะทาเนเซียนที่กล่าวว่า “พระเยซูเสด็จสู่แดนผู้ตาย” ซึ่งเป็นนรกภูมิแบบหนึ่งตามความเชื่อของชาวยิว แต่เพราะความที่ขาดการอ้างอิงที่ชัดแจ้งในบทบันทึกทางศาสนาทำให้ความเชื่อนี้ยังยังคงเป็นที่ถกเถียงและตีความแตกต่างกันอยู่ เทววิทยาศาสนาคริสต์] (อังกฤษ: Christian theology) คริสต์เทววิทยา หรือศาสนศาสตร์ คือเทววิทยาที่เกี่ยวกับความเชื่อในศาสนาคริสต์ นักเทววิทยาศาสนาคริสต์ใช้เหตุผลทางการวิจัยและการถกเพื่อทำความเข้าใจ อธิบาย ทดสอบ วิจารณ์ประเด็น ป้องกันและเผยแพร่คริสต์ศาสนา[4] เป็นการศึกษาเพื่อเพิ่มความเข้าใจต่อศาสนาคริสต์ เพื่อเปรียบเทียบคริสต์ศาสนากับประเพณีหรือความเชื่อถืออื่น ๆ และเพื่อป้องกัน กล่าวโต้ต่อนักวิจารณ์ ช่วยในการปฏิรูปศาสนา มีความเข้าใจในคริสต์ศาสนาพอที่จะสามารถนำเอาความเข้าใจนั้นมาทำความเข้าใจในสถานะการณ์ปัจจุบันตามความจำเป็น เทววิทยาศาสนาคริสต์เผยแพร่เข้ามาในวัฒนธรรมตะวันตกโดยเฉพาะวัฒนธรรมยุโรปก่อนสมัยใหม่ ความเกี่ยวพันกันระหว่างปรัชญาสองอย่างนี้ทำให้ผู้ต้องการทำความความเข้าใจในเทววิทยาศาสนาคริสต์จำเป็นต้องเข้าใจในวัฒนธรรมตะวันตกด้วยในขณะเดียวกัน

jumbo jili


ศาสนาคริสต์ (อังกฤษ: Christianity) ราชบัณฑิตยสถานเรียกว่า คริสต์ศาสนา เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ที่มีพื้นฐานมาจากชีวิตและการสอนของพระเยซูตามที่ปรากฏในพระวรสารในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียนพันธสัญญาใหม่อื่น ๆ ผู้นับถือศาสนาคริสต์เรียกว่าคริสต์ศาสนิกชนหรือคริสตชน คริสตชนเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าผู้มาบังเกิดเป็นมนุษย์และเป็นพระผู้ไถ่ ด้วยเหตุนี้ คริสตชนจึงมักเรียกพระเยซูว่า “พระคริสต์” หรือ “พระเมสสิยาห์” ศาสนาคริสต์ปัจจุบันแบ่งเป็นสามนิกายใหญ่ คือ โรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และโปรเตสแตนต์ ซึ่งยังแบ่งนิกายย่อยได้อีกหลายนิกาย เขตอัครบิดรโรมันคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์แยกออกจากกันในช่วงศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตก (East–West Schism) ใน ค.ศ. 1054 และนิกายโปรเตสแตนต์เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งแยกตัวออกจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก

สล็อต


พระเยซู (อังกฤษ: Jesus) หรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ (อังกฤษ: Jesus of Nazareth; 4-2 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 30-33) เป็นชาวยิวผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนเรียกพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ เพราะถือว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ นอกจากนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังบันทึกว่าพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ทรงรักษาคนตาบอดให้หายขาด รักษาคนพิการ โดยตรัสว่า บาปของเจ้าได้รับการให้อภัยแล้ว หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายหลังสิ้นพระชนม์ได้เพียง 3 วัน และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูเช่นกัน แต่เชื่อต่างจากชาวคริสต์ โดยชาวมุสลิมเรียกพระเยซูว่านบีอีซา คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าพระเยซูไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า และเป็นเราะซูลที่พระเจ้าส่งมาเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมให้แก่ชาวอิสราเอลเช่นเดียวกับเราะซูลอื่น ๆ นอกจากนี้กุรอานยังอ้างว่าพระเยซูได้ทำนายถึงเราะซูลอีกท่านหนึ่งที่จะมาในอนาคตด้วยว่าชื่ออะหมัด

สล็อตออนไลน์


คำว่า “เยซู” มาจากคำในภาษากรีกคือ “เยซุส” Ιησους [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาแอราเมอิกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า “ยาซูอฺ” ตามภาษาซีรีแอก ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า “อีซา” ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ “ผู้ช่วยให้รอด” เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา ภาษาละตินแผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้ ส่วนคำว่า “คริสต์” เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า “คริสตอส” Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง “ผู้ได้รับการเจิม” ชาวอาหรับเรียกว่า “มะซีฮฺ” ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น พระมหากษัตริย์ ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ เป็นต้น เมื่อราชอาณาจักรยูดาห์เสียแก่บาบิโลน ก็สิ้นกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม ต่อจากนั้นชาวยิวก็โหยหาพระเมสสิยาห์ที่จะมาสร้างอาณาจักรใหม่ของพระเจ้า “พระคริสต์” จึงเป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัวบุคคล ผู้นิพนธ์พระวรสารสี่ท่านมักเรียกพระองค์ว่า “พระเยซู” และเพื่อให้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่ชื่อเหมือนกัน ก็เรียกเป็น “พระเยซูชาวนาซาเรธ” หรือ “พระเยซูบุตรของโยเซฟ” แต่นักบุญเปาโลหรือเปาโลอัครทูตมักเรียกพระองค์ว่า “พระคริสต์” หรือ “พระเยซูคริสต์” ที่เรียกว่า “พระคริสต์เยซู” ก็มี

jumboslot


หลักข้อเชื่อของอัครทูต (ละติน: Symbolum Apostolorum/Symbolum Apostolicum;อังกฤษ: Apostle’s creed) หรือ “หลักข้อเชื่อของอัครธรรมทูต” บางครั้งเรียกว่า “สัญลักษณ์ของอัครทูต” ชาวคาทอลิกเรียกว่า “บทข้าพเจ้าเชื่อ” เป็นคำแถลงเกี่ยวกับความเชื่อในศาสนาคริสต์ยุคแรก ซึ่งคำแถลงลักษณะนี้เรียกว่า creed (หลักข้อเชื่อ) หรือ symbol (สัญลักษณ์) หลักข้อเชื่อนี้มีปรากฏใช้ในหลายนิกายทั้งในพิธีกรรมและตำราคำสอน และมักพบมากที่สุดในคริสตจักรตะวันตกที่เน้นพิธีกรรม คือคริสตจักรละติน ลูเทอแรน แองกลิคัน และออทอร์ดอกซ์ตะวันตก ตลอดจนเพรสไบทีเรียน เมทอดิสต์ และคริสตจักรคองกริเกชันแนล หลักข้อเชื่อของอัครทูตเป็นข้อความเชื่อที่อิงกับแนวคิดทางเทววิทยาศาสนาคริสต์ตามที่ปรากฏในพระวรสารในสารบบ จดหมายต่าง ๆ ในพันธสัญญาใหม่ และบางส่วนจากพันธสัญญาเดิม หลักข้อเชื่อนี้น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากหลักข้อเชื่อโรมัน เพราะในเนื้อหาไม่ได้กล่าวถึงหรือแก้ปัญหาประเด็นปัญหาทางคริสตวิทยาดังที่ปรากฏในหลักข้อเชื่อไนซีนและหลักข้อเชื่ออื่น ๆ ของคริสตชนที่เกิดขึ้นในยุคหลัง เช่น ปัญหาความเป็นพระเจ้าของพระเยซูหรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ชาวคริสต์ยุคแรก ๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีตอย่างลัทธิเอเรียสและลัทธิเอกภาพนิยมจึงยอมรับหลักข้อเชื่อนี้ด้วย ชื่อ “หลักข้อเชื่อของอัครทูต” อาจจะเกิดขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 ตามความเชื่อของคริสตชนที่ว่าอัครทูตทั้งสิบสองคนเป็นผู้แต่งข้อต่าง ๆ ขึ้นมาด้วยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์หลังจากเทศกาลเพนเทคอสต์ แต่ยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใดยืนยันได้ว่าความเชื่อนี้เป็นเรื่องจริง

slot

แม่พระแห่งแกรนด์ดยุก

ลัทธิอัสมาจารย์ (อังกฤษ: scholasticism) หมายถึง วิธีคิดเชิงวิพากษ์ที่มีอิทธิพลต่อการเรียนการสอนของนักวิชาการในมหาวิทยาลัยในยุโรปสมัยกลาง (ค.ศ. 1,100-1,700) และหมายถึงหลักสูตรที่ใช้วิธีดังกล่าวมาสนับสนุนและเผยแพร่หลักความเชื่อในสังคมที่มีความหลากหลายขึ้นเรื่อย ๆ ในสมัยนั้น อัสสมาจารย์นิยมมีต้นกำเนิดมาจากโรงเรียนในอารามคริสต์ในยุโรปยุคแรก ๆ สถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในยุโรปเกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน และอังกฤษ ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 จัดการสอนด้านศิลปศาสตร์ นิติศาสตร์ แพทยศาสตร์ และเทววิทยา มหาวิทยาลัยเหล่านี้ เช่น มหาวิทยาลัยซาแลร์โน มหาวิทยาลัยโบโญญา และมหาวิทยาลัยปารีส นักปราชญ์สำคัญในยุคนี้ เช่น แอนเซล์มแห่งแคนเทอร์เบอรี อเล็กซานเดอร์แห่งเฮลส์ อัลแบร์ตุส มาญุส ดันส์ สโกตัส วิลเลียมแห่งออกคัม โบนาเวนตูรา และทอมัส อไควนัส

jumbo jili


นักบุญแอนเซล์มแห่งแคนเทอร์เบอรี (อังกฤษ: Anselm of Canterbury) เดิมชื่อ อันเซลโม เด กันเดีย จีเนฟรา เป็นนักบุญในคริสตจักรโรมันคาทอลิก เกิดเมื่อค.ศ. 1033 ที่เมืองอาออสตา ราชอาณาจกัรเบอร์กันดี และถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1109 ที่เมืองแคนเทอร์เบอรี ในประเทศอังกฤษ นักบุญแอนเซล์มแห่งแคนเทอร์เบอรีเป็นนักพรตคณะเบเนดิกติน นักปรัชญาและนักเทววิทยาศาสนาคริสต์ ในด้านการปกครองคริสตจักร ท่านดำรงตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีระหว่างปี ค.ศ. 1093 ถึงปี ค.ศ. 1109 ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิอัสสมาจารย์นิยม (scholasticism) และมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้เริ่มข้อพิสูจน์ทางภววิทยา (ontological argument) เกี่ยวกับว่าพระเป็นเจ้ามีจริงหรือไม่และเป็นบาทหลวงผู้เป็นปฏิปักษ์อย่างเปิดเผยต่อสงครามครูเสด
นักบุญอัลแบร์ตุส มาญุส (ละติน: Albertus Magnus) หรือนักบุญอัลเบิร์ตผู้ยิ่งใหญ่ (Albert the Great) หรือนักบุญอัลเบิร์ตแห่งโคโลญ (Saint Albert of Cologne) เป็นนักบุญในคริสตจักรโรมันคาทอลิก เกิดราวปี ค.ศ. 1193/ค.ศ. 1206 ที่เลาอิงเงิน ดัชชีบาวาเรีย (ประเทศเยอรมนีปัจจุบัน) และถึงแก่มรณกรรมเมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1280 ที่เมืองโคโลญ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ นักบุญอัลแบร์ตุสได้ปฏิญาณตนเป็นไฟรอาร์สังกัดคณะดอมินิกัน และมีตำแหน่งฝ่ายปกครองในคริสตจักรเป็นบิชอปแห่งเรเกนส์บูร์ก มีชื่อเสียงจากการเป็นการมีความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาคริสต์กับวิทยาศาสตร์ เป็นนักปรัชญาคนสำคัญที่สุดของเยอรมนีและนักเทววิทยาศาสนาคริสต์ในสมัยกลาง และเป็นหนึ่งในนักวิชาการคนแรก ๆ ในสมัยกลางที่ประยุกต์ปรัชญาอาริสโตเติลให้เข้ากับปรัชญาคริสต์ศาสนา คริสตจักรโรมันคาทอลิกประกาศให้นักบุญอัลแบร์ตุส มาญุสเป็นหนึ่งในนักปราชญ์แห่งคริสตจักร 33 คน

สล็อต


นักบุญโบนาเวนตูรา (อิตาลี: San Bonaventura) (ค.ศ. 1221 – 15 กรกฎาคมค.ศ. 1274) เป็นไฟรอาร์ในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกชาวอิตาลี ดำรงตำแหน่งอัคราธิการคนที่ 7 ของคณะภราดาน้อย (Order of Friars Minor) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าคณะฟรันซิสกัน ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระคาร์ดินัลบิชอปแห่งอัลบาโน นอกจากนี้ยังเป็นนักปรัชญาและนักเทววิทยาศาสนาคริสต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในสมัยกลาง จนได้รับการยกย่องให้เป็นนักปราชญ์แห่งคริสตจักร มีสมญานามว่า “นักปราชญ์ชั้นเสราฟิม” นักบุญโบนาเวนตูรา มีนามเดิมว่าโจวันนีแห่งฟีดันซา (Giovanni di Fidanza) เป็นชาวเมืองบัญโญเรโจ (Bagnoregio) ในวัยเด็กเคยล้มป่วยหนัก แต่นักบุญฟรันเชสโกแห่งอัสซีซีได้มาช่วยสวดอ้อนวอนพระเจ้าให้ท่านจนท่านหายป่วย และท่านได้เห็นอนาคตของเด็กน้อย จึงเปล่งอุทานว่า “โอ โบนา เวนตูรา” (ผู้นำโชค!) เมื่ออายุได้ 20 ปีได้ปฏิญาณตนเป็นไฟรอาร์สังกัดคณะฟรันซิสกัน แล้วไปศึกษาสาขาวิชาปรัชญาและเทววิทยาที่ปารีส และได้รู้จักสนิทสนมกับตอมมาโซแห่งอากวีโน ซึ่งต่อมาผู้นี้ก็ได้กลายเป็นนักบุญและนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกคนหนึ่งของศาสนจักรคาทอลิก เมื่อท่านเรียนจบก็รับหน้าที่เป็นอาจารย์อยู่หลายปี เมื่ออายุได้ 35 ปี ท่านถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งอัคราธิการของคณะ ซึ่งเป็นช่วงที่คณะของท่านกำลังประสบปัญหาความแตกแยกภายใน ท่านได้ใช้ความรู้และความสามารถอย่างเต็มที่ในการปกครองและจัดการคณะให้เป็นระบบ จนได้รับขนานนามว่าเป็น “ผู้ก่อตั้งและบิดาคนที่สองของคณะ” เพราะนักบุญฟรันซิสซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งจริงนั้นไม่ได้วางระบบการบริหารคณะไว้ ท่านยังเป็นผู้ถ่อมตนถึงขั้นปฏิเสธการรับตำแหน่ง “อาร์ชบิชอปแห่งยอร์ก” จากสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 4 แต่ในสมัยสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 10 ท่านก็ถูกบังคับให้รับตำแหน่งพระคาร์ดินัลบิชอปแห่งอัลบาโน เพื่อช่วยการจัดประชุมสังคายนาลียงครั้งที่สอง อันมีจุดประสงค์เพื่อรวมคริสตจักรคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ให้เป็นเอกภาพ

สล็อตออนไลน์


นักบุญทอมัส อไควนัส (อังกฤษ: Thomas Aquinas (/əˈkwaɪnəs/, ค.ศ. 1225-1274) เป็นบาทหลวงโรมันคาทอลิกสังกัดคณะดอมินิกัน เกิดในตระกูลขุนนางชาวอิตาลี สนใจศึกษาสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดลึกซึ้ง อไควนัสได้พัฒนาแนวความคิดของเขาโดยได้รับอิทธิพลจากอาริสโตเติล ในขณะที่นักคิดคนอื่นมีความเห็นตรงกันข้าม อควีนาสได้ดำเนินการศึกษา สรุปผลที่เป็นแบบตรรกศาสตร์ที่สมบูรณ์ โดยไม่มีข้อสงสัยหรือข้อขัดแย้ง ตามแนวความคิดของอไควนัส ระเบียบวิธีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่ออควีนาสเริ่มหันมาสนใจศึกษาค้นคว้าแนวความคิดของอาริสโตเติล และได้มีอิทธิพลตลอดชีวิตการทำงานของอไควนัส จุดมุ่งหมายอีกประการหนึ่งของอไควนัสคือ การผสมผสานเทววิทยาศาสนาคริสต์ให้เข้ากับตรรกศาสตร์ของอาริสโตเติล ในที่สุดแนวความคิดของอาริสโตเติลก็กลับมามีชื่อเสียงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นักคิดชาวตะวันตกก็เริ่มหันมาศึกษางานของอริสโตเติลกันมากขึ้น มีผู้กล่าวว่าอาริสโตเติลเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปราชญ์ที่มีความรอบรู้ พระเจ้าพึงพอใจยอมอนุญาตให้เป็นผู้สรุปความรู้ทุกสาขาวิชา เท่ากับยอมรับว่าอาริสโตเติลเป็นเหมือนคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักบวชของศาสนา เป็นตัวบทกฎหมาย และเป็นนักวินัยทางศาสนา เปรียบเสมือนเป็นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่กำหนดความสัมพันธ์ของมนุษย์ กำหนดความรู้ทุกสาขาวิชา

jumboslot


งานเขียนของอไควนัส ในระยะนี้พยายามอธิบายสังคมที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนา และพระผู้เป็นเจ้า อไควนัสพยายามกำหนดความสำคัญและหน้าที่ใหม่ของศาสนาที่มีต่อสังคม โดยให้ศาสนายังคงมีอำนาจทางธรรมตามคำสอนของศาสนา อไควนัสก็เหมือนกับนักปราชญ์คนอื่น คือมีความเชื่อว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมมีจุดมุ่งหมายเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสังคม มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีความสามารถกำหนดควบคุมการกระทำของตนเองได้ด้วยสติปัญญา มนุษย์จะตกอยู่ในอันตราย ถ้าไม่ยอมรับระบบสังคม อไควนัสจึงเน้นเอกภาพในสังคมมนุษย์ที่มีพลังอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกภาพทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้สังคมมีเอกภาพอย่างสันติไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น วิธีการดังกล่าวเปรียบเสมือนมนุษย์ได้รับการอบรมทางจิต จิตที่อบรมแล้ว จะสั่งการให้ร่างกายกระทำสิ่งต่าง ๆ ตามหน้าที่ในสังคม ดังนั้น การปกครองโดยรัฐบาลที่มีผู้นำเพียงคนเดียวจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด กษัตริย์อันเป็นราชาแห่งปราชญ์คนเดียวจะปกครองประชาชนอย่างยุติธรรม โครงสร้างทางสังคมก็เหมือนกับธรรมชาติที่พระเจ้าปกครอง คนในสังคมจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ถ้าสัมคมมีเอกภาพโดยมีผู้นำเพียงคนเดียว

slot

มาเอสตะ

เหตุการณ์พระเยซูทรงรับบัพติศมา (โปรเตสแตนต์) หรือ พระเยซูทรงรับพิธีล้าง (คาทอลิก) (อังกฤษ: Baptism of Jesus) ถือเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิบัติพระภารกิจของพระเยซู เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกในพระวรสารทั้ง 4 ฉบับ คือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น และถือเป็นหนึ่งในห้าเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของพระเยซู อีกสี่เหตุการณ์ที่เหลือ ได้แก่ การจำแลงพระกาย การถูกตรึงที่กางเขน การกลับคืนพระชนม์ และการเสด็จขึ้นสวรรค์ ยอห์นผู้ให้บัพติศมาประกาศพิธีบัพติศมาด้วยน้ำเพื่อแสดงการกลับใจและขอรับการอภัยบาปจากพระเจ้า ท่านกล่าวว่าจะมีผู้หนึ่งมาภายหลัง ผู้นั้นจะให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และไฟ ท่านจึงได้เตรียมหนทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์นั้น พระเยซูได้เสด็จไปแม่น้ำจอร์แดนและรับบัพติศมาจากยอห์นด้วย พระวรสารยังบรรยายเหตุการณ์ขณะนั้นว่าฟ้าสวรรค์ได้เปิดออก พระวิญญาณบริสุทธิ์ปรากฏรูปเหมือนนกพิราบบินลงมาเหนือพระเยซู พร้อมกับมีเสียงจากสวรรค์ประกาศว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” คริสต์ศาสนิกชนส่วนมากถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์สำคัญ และเป็นต้นกำเนิดของพิธีบัพติศมาซึ่งเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาคริสต์ แนวคิดบุตรบุญธรรมนิยมซึ่งศาสนาคริสต์ยุคแรกประณามว่าเป็นความเชื่อนอกรีตก็เกิดขึ้นเพราะให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นี้ ศาสนาคริสต์ตะวันออกจัดฉลองพระเยซูทรงรับบัพติศมาในวันที่ 6 มกราคม ส่วนคริสตจักรโรมันคาทอลิก แองกลิคันคอมมิวเนียน และบางนิกายจัดการฉลองในสัปดาห์ถัดมาเรียกว่าวันฉลององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับพิธีล้าง

jumbo jili


พระเยซู (อังกฤษ: Jesus) หรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ (อังกฤษ: Jesus of Nazareth; 4-2 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 30-33) เป็นชาวยิวผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนเรียกพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ เพราะถือว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ นอกจากนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังบันทึกว่าพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ทรงรักษาคนตาบอดให้หายขาด รักษาคนพิการ โดยตรัสว่า บาปของเจ้าได้รับการให้อภัยแล้ว หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายหลังสิ้นพระชนม์ได้เพียง 3 วัน และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูเช่นกัน แต่เชื่อต่างจากชาวคริสต์ โดยชาวมุสลิมเรียกพระเยซูว่านบีอีซา คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าพระเยซูไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า และเป็นเราะซูลที่พระเจ้าส่งมาเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมให้แก่ชาวอิสราเอลเช่นเดียวกับเราะซูลอื่น ๆ นอกจากนี้กุรอานยังอ้างว่าพระเยซูได้ทำนายถึงเราะซูลอีกท่านหนึ่งที่จะมาในอนาคตด้วยว่าชื่ออะหมัด

สล็อต


คำว่า “เยซู” มาจากคำในภาษากรีกคือ “เยซุส” Ιησους [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาแอราเมอิกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า “ยาซูอฺ” ตามภาษาซีรีแอก ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า “อีซา” ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ “ผู้ช่วยให้รอด” เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา ภาษาละตินแผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้ ส่วนคำว่า “คริสต์” เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า “คริสตอส” Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง “ผู้ได้รับการเจิม” ชาวอาหรับเรียกว่า “มะซีฮฺ” ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น พระมหากษัตริย์ ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ เป็นต้น เมื่อราชอาณาจักรยูดาห์เสียแก่บาบิโลน ก็สิ้นกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม ต่อจากนั้นชาวยิวก็โหยหาพระเมสสิยาห์ที่จะมาสร้างอาณาจักรใหม่ของพระเจ้า “พระคริสต์” จึงเป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัวบุคคล ผู้นิพนธ์พระวรสารสี่ท่านมักเรียกพระองค์ว่า “พระเยซู” และเพื่อให้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่ชื่อเหมือนกัน ก็เรียกเป็น “พระเยซูชาวนาซาเรธ” หรือ “พระเยซูบุตรของโยเซฟ” แต่นักบุญเปาโลหรือเปาโลอัครทูตมักเรียกพระองค์ว่า “พระคริสต์” หรือ “พระเยซูคริสต์” ที่เรียกว่า “พระคริสต์เยซู” ก็มี

สล็อตออนไลน์


ศาสนาคริสต์ (อังกฤษ: Christianity) ราชบัณฑิตยสถานเรียกว่า คริสต์ศาสนา เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ที่มีพื้นฐานมาจากชีวิตและการสอนของพระเยซูตามที่ปรากฏในพระวรสารในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียนพันธสัญญาใหม่อื่น ๆ ผู้นับถือศาสนาคริสต์เรียกว่าคริสต์ศาสนิกชนหรือคริสตชน คริสตชนเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าผู้มาบังเกิดเป็นมนุษย์และเป็นพระผู้ไถ่ ด้วยเหตุนี้ คริสตชนจึงมักเรียกพระเยซูว่า “พระคริสต์” หรือ “พระเมสสิยาห์” ศาสนาคริสต์ปัจจุบันแบ่งเป็นสามนิกายใหญ่ คือ โรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และโปรเตสแตนต์ ซึ่งยังแบ่งนิกายย่อยได้อีกหลายนิกาย เขตอัครบิดรโรมันคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์แยกออกจากกันในช่วงศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตก (East–West Schism) ใน ค.ศ. 1054 และนิกายโปรเตสแตนต์เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งแยกตัวออกจากคริสตจักรโรมันคาทอลิก

jumboslot


การตรึงพระเยซูที่กางเขน เป็นเหตุการณ์ในชีวิตของพระเยซูที่ถูกบันทึกในพระวรสารทั้งสี่ฉบับ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่พระเยซูถูกจับและถูกพิพากษา ในทางเทววิทยาศาสนาคริสต์ การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นเหตุการณ์หัวใจสำคัญ ส่งอิทธิพลให้เกิดเหตุการณ์อื่น ๆ ต่อเนื่องมา นอกจากนั้นการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ก็เป็นสัญลักษณ์สำคัญทางปรัชญาความเชื่อ เป็นการเสียชีวิตของผู้ที่มาช่วยโลก เห็นได้จากการรับทรมานและความตายของพระเมสสิยาห์เพื่อไถ่บาปให้มวลมนุษย์ ตามด้วยพันธสัญญาใหม่ที่กล่าวถึง การคืนชีพในสามวันหลังจากสิ้นพระชนม์ และทรงปรากฏพระกายต่ออัครทูตก่อนพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ การทรมานและการเสียชีวิตของพระเยซูบนกางเขนมักจะเรียกกันว่า “พระทรมานของพระเยซู” (Passion) เทววิทยาศาสนาคริสต์ถือว่าพระเยซูพลีชีพเพื่อเป็นการไถ่บาปให้มวลมนุษย์ ดังปรากฏในพระธรรมที่รู้จักกันในนาม “พิธีทดแทนบาป” (Substitutionary atonement) กล่าวกันว่าความตายของพระองค์ถูกทำนายไว้ล่วงหน้าในพันธสัญญาเดิม เช่น เพลงของอิสยาห์ที่กล่าวถึง การทรมานของผู้รับใช้พระเจ้า

slot

แม่พระและพระกุมารและทูตสวรรค์สององค์ (บอตตีเชลลี)

พระมารดาพระเจ้า (ละติน: Máter Déi; ภาษาละติน: [matær dei] มาแตร์เดอี) หรือ พระชนนีพระเจ้า (กรีก: Θεοτόκος เธโอโตกอส) เรียกโดยย่อว่าแม่พระ เป็นสมัญญาที่คริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ออเรียนทัลออร์ทอดอกซ์ และคาทอลิกตะวันออก ใช้หมายถึงพระนางมารีย์พรหมจารี ตามมติของสภาสังคายนาแห่งเอเฟซัสที่ประกาศว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าโดยสมบูรณ์ ดังนั้นมารดาพระเยซูจึงถือเป็นพระมารดาพระเจ้าด้วย หลักเทววิทยา คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นเหตุของสิ่งทั้งปวง แต่พระองค์ไม่มีต้นเหตุ ไม่มีที่มา พระเจ้าจึงไม่มีพระบิดาหรือพระมารดา แต่ในขณะเดียวกันคริสต์ศาสนิกชนก็เชื่อว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นตรีเอกภาพ คือมีสามพระบุคคลในพระเจ้าองค์เดียว โดยพระเจ้าพระบุตรเป็นพระบุตรพระองค์เดียวของพระเจ้า พระบุตรนั้นทรงเป็นนิรันดรเช่นเดียวกับพระบิดา จึงไม่มีผู้ให้กำเนิดเพราะเป็นพระเจ้าเดียวกัน แต่พระบุตรได้มารับสภาพมนุษย์โดยผ่านทางครรภ์ของนางมารีย์หญิงพรหมจารี ดังนั้นการเป็นพระมารดาพระเจ้าจึงไม่ได้หมายถึงการเป็นผู้ให้กำเนิดพระเจ้าก่อนปฐมกาล แต่เป็นผู้ให้กำเนิดสภาพมนุษย์ของพระเจ้า

jumbo jili


แม้ว่าคริสต์ศาสนิกชนกระแสหลักจะถือว่าพระเยซูทรงเป็นทั้งพระเจ้าสมบูรณ์และมนุษย์สมบูรณ์ (ไม่ใช่พระเจ้าครึ่งหนึ่ง มนุษย์ครึ่งหนึ่ง) แต่ไม่ใช่ทุกนิกายจะยอมรับว่านางมารีย์เป็นพระมารดาพระเจ้า (บางคริสตจักรเลี่ยงไปใช้คำว่า มารดาพระคริสต์) ความเห็นต่างในเรื่องนี้มีมาตั้งแต่ศาสนาคริสต์ยุคแรก สภาสังคายนาแห่งเอเฟซัสจึงได้ตอบโต้คริสตจักรที่ไม่ยอมรับความเชื่อเรื่องพระมารดาพระเจ้าโดยออกประกาศยืนยันว่าพระแม่มารีย์เป็นพระมารดาพระเจ้าอย่างแน่นอน เพราะพระเยซูเป็นสภาพบุคคลเดียว แต่มีสองธรรมชาติสมบูรณ์ในตัวคือเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ นักบุญซิริลแห่งอะเล็กซานเดรียเขียนในจดหมายของตนถึงบรรดานักพรตในอียิปต์ว่า “ข้าพเจ้าแปลกใจมากที่ยังมีบางคนสงสัยว่าควรเรียกพระแม่พรหมจารีว่าพระมารดาพระเจ้าหรือไม่ ก็ในเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าของเราเป็นพระเจ้า แล้วทำไมพระแม่พรหมจารีผู้ให้กำเนิดของพระองค์จะไม่ใช่พระมารดาพระเจ้าเล่า” วันสมโภช คริสตจักรโรมันคาทอลิกถือเอาวันที่ 1 มกราคมของทุกปีเป็นวันสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจ้า การสมโภชนี้เริ่มมาจากศาสนาคริสต์ตะวันออกตั้งแต่ราว ค.ศ. 500

สล็อต


คริสต์ศาสนิกชนโรมันคาทอลิกเรียกนางมารีย์ (มารดาพระเยซู) ว่า พระนางมารีย์พรหมจารี (อังกฤษ: the Blessed Virgin Mary) เพราะเชื่อว่าพระแม่มารีย์เป็นพรหมจารีเสมอ และพระเยซูซึ่งเชื่อว่าเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้าก็มารับสภาพมนุษย์ผ่านทางพระครรภ์ของพระแม่มารีย์ จึงทำให้พระแม่มารีย์มีสถานะเป็น “พระมารดาพระเจ้า” ด้วย คริสตจักรโรมันคาทอลิกได้รับรองความเชื่อนี้มาตั้งแต่สังคายนาเอเฟซัสครั้งที่หนึ่ง ในปี ค.ศ. 431 ในสภาสังคายนาสากลครั้งต่อ ๆ มา เช่น สังคายนาวาติกันครั้งที่สอง และพระสมณสาส์น “มารดาพระผู้ไถ่” ของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้แสดงถึงความสำคัญของพระแม่มารีย์ว่าเป็นมารดาคริสตจักรด้วย คริสตจักรโรมันคาทอลิกให้ความสำคัญกับพระแม่มารีย์อย่างมากในฐานะมารดาของพระเยซู การเคารพนับถือแม่พระแสดงออกมาในหลายรูปแบบ เช่น บทภาวนา กวีนิพนธ์ และงานศิลปะ พระสันตะปาปาหลาย ๆ พระองค์ก็ทรงส่งเสริมความเชื่อนี้มาตลอด จนทำให้ศาสนจักรคาทอลิกมีงานเฉลิมฉลองและมอบสถานะพิเศษแก่พระแม่มารีย์มากกว่าที่นิกายอื่น ๆ ในศาสนาคริสต์ทำมา

สล็อตออนไลน์


พระศาสนจักรคาทอลิก (อังกฤษ: Catholic Church) หรือ คริสตจักรโรมันคาทอลิก (Roman Catholic Church) เป็นคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีศาสนิกชนกว่า 1.3 พันล้านคนในปี ค.ศ. 2017 เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดที่ยังดำเนินกิจการอยู่ และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อารยธรรมตะวันตก พระสันตะปาปาทรงเป็นประมุขและปกครองศาสนจักรนี้ผ่านสันตะสำนัก ในศาสนจักรโรมันคาทอลิกประกอบด้วยคริสตจักรละตินและคริสตจักรคาทอลิกตะวันออก ชาวคาทอลิกเชื่อว่าพระเยซูมีพระมหาบัญชาตั้งศาสนจักรขึ้นให้เป็นหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ สากล และสืบมาจากอัครทูต ดยมีมุขนายกสืบทอดหน้าที่จากอัครทูต และพระสันตะปาปาสืบมาจากนักบุญเปโตร ซึ่งพระเยซูทรงยกเป็นเอกในบรรดาอัครทูต ศาสนจักรคาทอลิกให้ความสำคัญกับศีลมหาสนิทที่สุดในบรรดาศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และฉลองศีลนี้ในพิธีมิสซา โดยเชื่อว่าไวน์และปังที่บาทหลวงเสกในพิธีนี้จะเปลี่ยนสารเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซู และมีหลักคำสอนให้นับถือพระนางมารีย์พรหมจารีเป็นพระมารดาพระเจ้าและราชินีแห่งสวรรค์ นอกจากนี้ยังเชื่อในพระเมตตา การชำระให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อ การประกาศพระวรสาร และทำงานเพื่อสังคม ศาสนจักรคาทอลิกจึงเป็นองค์กรเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดการศึกษาและบริการสุขภาพ ในประเทศไทยเรียกคริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกว่า “คริสตัง”

jumboslot


พระเยซู (อังกฤษ: Jesus) หรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ (อังกฤษ: Jesus of Nazareth; 4-2 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 30-33) เป็นชาวยิวผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนเรียกพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ เพราะถือว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ นอกจากนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังบันทึกว่าพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ทรงรักษาคนตาบอดให้หายขาด รักษาคนพิการ โดยตรัสว่า บาปของเจ้าได้รับการให้อภัยแล้ว หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายหลังสิ้นพระชนม์ได้เพียง 3 วัน และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูเช่นกัน แต่เชื่อต่างจากชาวคริสต์ โดยชาวมุสลิมเรียกพระเยซูว่านบีอีซา คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าพระเยซูไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า และเป็นเราะซูลที่พระเจ้าส่งมาเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมให้แก่ชาวอิสราเอลเช่นเดียวกับเราะซูลอื่น ๆ นอกจากนี้กุรอานยังอ้างว่าพระเยซูได้ทำนายถึงเราะซูลอีกท่านหนึ่งที่จะมาในอนาคตด้วยว่าชื่ออะหมัด

slot

พระแม่มารีอัลบา

พันธกรทั้งห้าของพระเจ้า หมายถึง เครื่องมือของพระเป็นเจ้าในการทำพันธกิจของพระองค์ให้สำเร็จตามพระประสงค์ ตามที่มีกล่าวไว้ในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส บทที่ 4 ข้อที่ 11 ประกอบไปด้วยอัครทูต ผู้เผยพระวจนะ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาล และอาจารย์ พระเจ้า หรือ พระเป็นเจ้า (อังกฤษ: God) หมายถึง เทวดาผู้เป็นใหญ่ ถือเป็นเทวดาเพียงพระองค์เดียวตามความเชื่อแบบเอกเทวนิยม หรือเป็นเทวดาผู้เป็นสารัตถะเดียวของเอกภพตามความเชื่อแบบพหุเทวนิยม พระเป็นเจ้าถือว่าเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติ พระผู้สร้างและปกครองเอกภพ นักเทววิทยาได้อธิบายคุณลักษณะของพระเป็นเจ้าไว้ต่าง ๆ กันตามแต่มโนทัศน์เกี่ยวกับพระเป็นเจ้าของบุคคลนั้น โดยทั่วไปถือว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นสัพพัญญู ทรงอำนาจไร้ขีดจำกัด ทรงสถิตอยู่ทุกหนแห่ง ทรงพระเมตตา เป็นภาวะเชิงเดียวที่ไม่แบ่งแยก ทรงสถิตอยู่ชั่วนิรันดร์ และเอกภพไม่อาจอยู่ได้โดยปราศจากพระองค์ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าพระเป็นเจ้าทรงมีสภาพเป็นบุคคล เป็นวิญญาณ เป็นต้นกำเนิดของพันธะทางศีลธรรมทั้งปวง เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์จะรับรู้ได้ นักเทววิทยาในศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลามสนับสนุนทรรศนะนี้เช่นนี้ ส่วนนักปรัชญาในสมัยกลางและสมัยใหม่ยังคงให้เหตุผลสนับสนุนและคัดค้านกันอยู่ว่าพระเป็นเจ้ามีจริงหรือไม่ พระเป็นเจ้ามีหลายพระนามแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมที่นับถือว่าจะมองพระองค์เป็นใครและมีแง่มุมต่าง ๆ อย่างไร เช่น คัมภีร์ฮีบรูและคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมระบุว่าพระเป็นเจ้ามีพระนามว่า “พระยาห์เวห์” หรือ “เราเป็น” แต่ในศาสนายูดาห์มักหลีกเลี่ยงการออกพระนามศักดิ์สิทธิ์นี้ แล้วออกพระนามว่า “เอโลฮิม” หรือ “อะโดนาย” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” แทน ในศาสนาอิสลามมีพระนามพระเป็นเจ้าถึง 99 พระนาม พระนามที่ใช้มากที่สุดคือ “อัลลอฮ์”

jumbo jili


เอกเทวนิยม (อังกฤษ: Monotheism มาจากภาษากรีก: μόνος, monos – เดียว, และ θεός, theos – เทพ) คือความเชื่อว่ามีพระเป็นเจ้าเป็นเทวดาองค์เดียว หรือความเชื่อว่าพระเป็นเจ้าเป็นหนึ่งเดียว (ไม่ทรงแบ่งภาค) แนวคิดเอกเทวนิยมแบบบริสุทธิ์พบในศาสนายูดาห์และศาสนาอิสลาม ส่วนแบบอ่อนพบในศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่ ลัทธิซาเบียน นิกายมอรมอน และศาสนาอื่น ๆ เช่น ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนาบาไฮ ศาสนาซิกข์ และศาสนาฮินดูในบางสำนัก เอกเทวนิยมบริสุทธิ์ ศาสนิกชนในศาสนายูดาห์และศาสนาอิสลามยึดถือเรื่องเอกเทวนิยมบริสุทธิ์ (pure monotheism) จึงไม่ยอมรับว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม การที่คริสต์ศาสนิกชนอ้างว่าพระเจ้าเป็นตรีเอกภาพ คือมีสามพระบุคคล พระเจ้าพระบุคคลหนึ่งมารับสภาพมนุษย์เป็นพระเยซู ถือเป็นความเชื่อที่ผิดในทัศนะของศาสนายูดาห์และศาสนาอิสลาม ทั้งสองศาสนาถือว่าพระเจ้าเป็นพระผู้สร้างสิ่งเอกภพทั้งหมด ดังนั้นพระองค์จะมาอยู่ในรูปของสิ่งสร้างไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นดวงดาว สายฟ้า มนุษย์ กึ่งเทพ พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือขนมปังกับเหล้าองุ่น

สล็อต


บทนิยาม เอกเทวนิยมเชื่อว่ามีพระเจ้าเดียว ต่างจากพหุเทวนิยมที่เชื่อว่ามีพระเจ้าหรือเทพเจ้าหลายพระองค์ แต่พหุเทวนิยมก็อาจพิจารณาให้สอดคล้องได้กับเอกเทวนิยมแบบรวมหรือเอกนิยมในบางแบบ ความแตกต่างระหว่างเอกเทวนิยมและพหุเทวนิยมจึงไม่อาจนิยามได้อย่างชัดเจนเด็ดขาดในเชิงปรวิสัย เว้นแต่จะยึดการนิยามตามเอกเทวนิยมบริสุทธิ์ในศาสนายูดาห์และอิสลามเอกเทวนิยมต่างจากอติเทวนิยมที่แม้จะบูชาเทพเจ้าพระองค์เดียว แต่ก็ยอมรับว่าเทพเจ้าอื่น ๆ ก็มีอยู่จริง และต่างจากทวิเทวนิยมที่เชื่อว่ามีเทพเจ้าสูงสุด 2 องค์ตรงข้ามกัน ในลัทธิไญยนิยมมีลักษณะคล้ายกับทวิเทวนิยม แต่มองว่าเทพเจ้าฝ่ายความชั่วมีอำนาจต่ำกว่าเทเจ้าแห่งความดี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใกล้เคียงกับทัศนะเรื่องพระเจ้ากับซาตานในศาสนาคริสต์
เอกเทวนิยมมีอยู่หลายรูปแบบตามแต่มโนทัศน์เกี่ยวกับพระเจ้า
เทวัสนิยม (Deism) เชื่อว่ามีพระเจ้าพระองค์เดียว ทรงสร้างสรรค์ออกแบบจักรวาล บางกลุ่มเชื่อว่าพระเจ้าไม่ใช่บุคคลและไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับโลก แต่บางกลุ่มก็เชื่อว่าทรงมีส่วนร่วมกับโลกผ่านทางพระญาณสอดส่อง
เอกนิยม (Monism) เป็นเอกเทวนิยมในแบบที่พบในศาสนาฮินดู ซึ่งกินความถึงสรรพเทวนิยม สากลเทวนิยม และแนวคิดที่ว่าพระเจ้าทรงเป็นบุคคล
สรรพเทวนิยม (Pantheism) เชื่อว่าเอกภพนั่นองเป็นพระเจ้า และไม่มีธรรมชาติใดอยู่เหลือโลก
สรรพัชฌัตเทวนิยม (Panentheism) เป็นเอกเทวนิยมเชิงเอกนิยม เชื่อว่าพระเจ้าสถิตแทรกซึมอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ทุกสิ่ง (หรือเอกภพ) นั้นไม่ใช่พระเจ้า
เอกเทวนิยมสาระ (Substance monotheism) พบในศาสนาพื้นเมืองบางศาสนาในแอฟริกา เชื่อว่ามีเอกภพมีสาระที่สำคัญอย่างเดียว เทพเจ้าทั้งหลายคือสาระนั้นในรูปแบบที่ต่าง ๆ กัน
เอกเทวนิยมตรีเอกภาพ (Trinitarian monotheism) เป็นหลักความเชื่อในศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่ว่ามีพระเจ้าเดียว ผู้ทรงปรากฏเป็นสามพระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์

สล็อตออนไลน์


คัมภีร์ไบเบิล หรือ พระคัมภีร์ (มาจากภาษากรีกโบราณว่า Βίβλος บิบลิออน แปลว่า หนังสือ) ชาวโปรเตสแตนต์เรียกว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ (Holy Bible) เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระยาห์เวห์ มนุษย์ บาป และแผนการของพระยาห์เวห์ในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศอันเนื่องจากความบาปสู่ชีวิตนิรันดร์ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งในบางเล่มมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนายูดาห์ของชาวยิว ชาวคริสต์เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น พระวจนะของพระเจ้า (Word of God) หนังสือดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Scripture) คริสตชนทุกคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกบททุกข้อนั้นมนุษย์เขียนขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า ประกอบด้วยหนังสือจำนวน 66 หรือ 73 หรือ 78 เล่ม (แล้วแต่นิกาย) ประกอบด้วยภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นก่อนที่พระเยซูคริสต์ประสูติ ทั้งหมดเขียนเป็นภาษาฮีบรู ยกเว้นส่วนที่เป็นคัมภีร์อธิกธรรม (ยอมรับเฉพาะชาวคาทอลิก) ถูกเขียนด้วยภาษากรีกและภาษาอียิปต์ ส่วนพันธสัญญาใหม่ถูกเขียนขึ้นหลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว โดยบันทึกถึงเรื่องราวของพระเยซูตลอดพระชนม์ชีพ รวมทั้งคำสอน และการประกาศข่าวดีแห่งความรอด การยอมรับการทรมาน และการไถ่บาปของมนุษย์โดยพระเยซู การกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มายังอัครทูต ประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในยุคแรกเริ่ม ภายหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูแล้ว การเบียดเบียนคริสตจักรในรูปแบบต่าง ๆ

jumboslot


พระยาห์เวห์ (อังกฤษ: Yahweh) พระเยโฮวาห์ (อังกฤษ: Jehovah) พระยะโฮวา (ศัพท์พยานพระยะโฮวา) (อังกฤษ: Yahova) ยฮวฮ (ศัพท์ศาสนายูดาห์) (ฮีบรู: יהוה‎; อังกฤษ: YHWH) เป็นพระนามของพระเป็นเจ้าที่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม (ทานัค) ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับภาษาไทยเล่มเก่านั้นปรากฏพระนามนี้อยู่หลายครั้ง ในคัมภีร์ดั้งเดิมเขียนด้วยอักษร 4 ตัว แต่เนื่องจากอักษร 4 ตัว นั้นผู้เขียนไม่ได้ใส่สระไว้ ทำให้การออกเสียงที่ถูกต้องถูกถ่ายทอดต่อกันมาโดยการพูด คัมภีร์ดั้งเดิมหรือต้นฉบับปรากฏพระนามนี้ประมาณ 7 พันครั้ง ในฉบับภาษาไทยเล่มเก่า ๆ ยังปรากฏพระนามนี้อยู่ การแปลในยุคต่อ ๆ มาได้เปลี่ยนพระนามมา 3 ครั้ง ปัจจุบันสะกดพระนามนี้ว่า ยาห์เวห์ ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า Yahweh ยฮวฮ คือพระนามของพระเป็นเจ้าสูงสุด ซึ่งปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1940 หรือ “เยโฮวาห์” ซึ่งปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971 หรือ “ยาห์เวห์” ซึ่งปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 แต่เพื่อให้เกิดความเป็นสากลในทุกนิกาย ทั้งใน โรมันคาทอลิก โปรเตสแตนต์ อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ เมื่อออกพระนามพระเป็นเจ้าจะออกเสียงว่า “พระเจ้า” และ “ยฮวฮ” ในคัมภีร์ฮีบรู (ทานัค) ทุกฉบับ

slot

พระแม่มารีให้นม (ดา วินชี)

พระเมตตาของพระเยซูเจ้า (อังกฤษ: divine mercy) เป็นรูปภาพของพระเยซูที่ประจักษ์แก่นักบุญโฟสตินา โควัลสกา รูปภาพนี้จะมีลักษณะเฉพาะคือ มีรูปพระเยซูยืนอยู่ พระหัตถ์ขวาอยู่ในท่าทีอวยพระพร พระหัตถ์ซ้ายจับที่พระหฤทัยและมีแสงสีขาวและสีแดงออกมาจากพระหฤทัย และใต้รูปนั้นมีคำว่า พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์ ภาพนี้เป็นภาพที่สำคัญของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ในปีค.ศ.1931 พระเยซูทรงปรากฏพระองค์แก่นักบุญโฟสตินาในนิมิต พระองค์ปรากฏในชุดสีขาว พระหัตถ์ขวายกท่าอวยพระพร มีลำแสงสองสีฉายมาจากพระหฤทัยมีสีขาวและสีแดง นักบุญโฟสตินาเพ่งมองพระเยซูอย่างเงียบๆ และพระองค์ตรัสกับนักบุญโฟสตินาว่า ลูกเอ๋ย จงไปวาดภาพแบบนี้มาตามที่ลูกเห็น พร้อมกับจารึกคำว่า พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์ เราสัญญาว่า วิญญาณหรือบุคคลใดที่เคารพในรูปภาพนี้ จะไม่พินาศ เราขอสัญญาด้วยว่า เขาจะชนะศัตรูของเขาตั้งแต่อยู่บนโลกใบนี้ โดยเฉพาะเมื่อใกล้จะตาย เราจะปกป้องวิญญาณนั้น เสมือนเป็นหนึ่งสิริมงคลของเราเอง เรากำลังเสนอภาชนะอย่างหนึ่ง ให้แก่คนทั้งหลาย ซึ่งเขาจะเข้ามาหาพระหรรษทานจากน้ำพุแห่งพระเมตตาของเราได้เสมอ ภาชนะนั้นคือรูปภาพซึ่งมีคำว่า พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์ เราต้องการให้ภาพนี้ได้รับการคารวะ เริ่มจากในโบสถ์คริสต์และขยายไปทั่วทั้งโลก

jumbo jili


พระเยซู (อังกฤษ: Jesus) หรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ (อังกฤษ: Jesus of Nazareth; 4-2 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 30-33) เป็นชาวยิวผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนเรียกพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ เพราะถือว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ นอกจากนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังบันทึกว่าพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ทรงรักษาคนตาบอดให้หายขาด รักษาคนพิการ โดยตรัสว่า บาปของเจ้าได้รับการให้อภัยแล้ว หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายหลังสิ้นพระชนม์ได้เพียง 3 วัน และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูเช่นกัน แต่เชื่อต่างจากชาวคริสต์ โดยชาวมุสลิมเรียกพระเยซูว่านบีอีซา คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าพระเยซูไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า และเป็นเราะซูลที่พระเจ้าส่งมาเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมให้แก่ชาวอิสราเอลเช่นเดียวกับเราะซูลอื่น ๆ นอกจากนี้กุรอานยังอ้างว่าพระเยซูได้ทำนายถึงเราะซูลอีกท่านหนึ่งที่จะมาในอนาคตด้วยว่าชื่ออะหมัด

สล็อต


คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์ที่พยากรณ์ไว้ในคัมภีร์ฮีบรู ซึ่งในศาสนาคริสต์เรียกว่า “พันธสัญญาเดิม” พื้นฐานเทววิทยาศาสนาคริสต์นั้นแสดงออกมาในหลักข้อเชื่อสากล (ecumenical creed) ที่มีมาตั้งแต่ศาสนาคริสต์ยุคแรก และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในบรรดาคริสต์ศาสนิกชน การประกาศความเชื่อนี้มีอยู่ว่า พระเยซูทรงรับพระทรมาน สิ้นพระชนม์ และถูกฝังไว้ ก่อนจะคืนพระชนม์เพื่อให้ชีวิตนิรันดร์แก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์และไว้วางใจว่าพระองค์เป็นผู้ไถ่บาป พวกเขายังเชื่ออีกว่าพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ที่ซึ่งพระองค์ทรงควบคุมและปกครองรวมกับพระเจ้าพระบิดา นิกายส่วนใหญ่สอนว่าพระเยซูจะกลับมาพิพากษามนุษย์ทุกคน ทั้งคนเป็นและคนตาย และให้ชีวิตนิรันดร์แก่สาวกของพระองค์ พระองค์ทรงถูกมองว่าเป็นแบบอย่างของชีวิตอันดีงาม และเป็นทั้งผู้เผยพระวจนะและเป็นพระเจ้าลงมารับสภาพมนุษย์ ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ศาสนาคริสต์มีศาสนิกชนประมาณ 2.4 พันล้านคนทั่วโลก คิดเป็นประมาณ 33% หรือหนึ่งในสี่ถึงหนึ่งในสามของประชากรโลก และเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นศาสนาประจำชาติในหลายประเทศ

สล็อตออนไลน์


ความหมายของลำแสงทั้งสอง ขณะที่เธอวาดรูปนั้นอยู่ จิตตาธิการของนักบุญโฟสตินา ขอให้เธอถามพระเยซูเจ้าถึงความหมายของแสงสองสีที่ออกมาจากพระหฤทัยของพระเยซูในภาพที่เธอกำลังวาด เธอภาวนาต่อพระเยซู และได้คำตอบจากพระเยซูเจ้ามาว่า..แสงทั้งสองหมายถึงโลหิตและน้ำ ลำแสงสีขาวหมายถึงน้ำที่ทำให้วิญญาณที่วางใจในเรานั้นบริสุทธิ์ ส่วนแสงสีแดงหมายถึงโลหิตซึ่งเป็นชีวิตของวิญญาณ ลำแสงทั้งสองนี้ออกมาจากส่วนลึกที่สุดของพระเมตตาอันอ่อนหวานของเรา เมื่อดวงใจอันทุกข์ระทมของเราเปิดออกด้วยหอกตอนที่เราอยู่บนกางเขน นับเป็นบุญกับผู้ที่หลบภัยอยู่กับลำแสงนี้ เพราะพระหัตถ์อันยุติธรรมของพระเจ้าจะไม่จับต้องเขา (หมายถึงการพิพากษาลงโทษของพระเจ้าจะไม่จับต้องเขาเลย) ด้วยภาพนี้ เราจะให้พระหรรษทานมากมายแก่วิญญาณทั้งหลาย ภาพนี้จะทำให้ระลึกถึงสิ่งที่ความเมตตาของเราเรียกร้องด้วยความเชื่อ

jumboslot


หลังจากการวาดภาพ นักบุญโฟสตินาได้วาดภาพพระเมตตาของพระเยซูเจ้าอยู่หลายครั้ง แต่ละครั้งนั้นแตกต่างกัน เมื่อนักบุญโฟสตินาได้วาดภาพแรกออกมานั้นเธอร้องไห้ด้วยความผิดหวัง และพร่ำบ่นว่า ใครเล่าจะวาดภาพของพระองค์ให้งดงามเท่าพระองค์จริงได้ พระเยซูตรัสกับเธอว่า ความยิ่งใหญ่ของภาพนี้ไม่ได้อยู่ที่ความงามลายเส้นพู่กันหรือสีสันของภาพ แต่อยู่ที่พระหรรษทานของเรา และรูปภาพพระเมตตาก็ได้รับการเผยแพร่และเป็นที่ศรัทธาเป็นอย่างมากในโปแลนด์และลิทัวเนีย คนเริ่มประกาศเรื่องนี้ไปทั่วทุกสารทิศ ในปีค.ศ.1978 สันตะสำนักมีการสั่งห้ามเผยแพร่เรื่องพระเมตตาของพระเยซูเจ้า เพราะได้รับข่าวเรื่องของพระเมตตาที่ผิดพลาด แต่ในตอนหลังก็มีการอนุญาตให้ประกาศต่อไปได้ และสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ยอมรับให้ซิสเตอร์โฟสตินา โควัลสกา เป็นนักบุญเมื่อค.ศ.2000 และภาพนี้ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก

slot