ฮิฟีสตัส เป็นเทพเจ้าแห่งช่างตีเหล็ก (blacksmith) ช่างฝีมือ ช่างศิลป์ ประติมากร โลหะ โลหะวิทยา (metallurgy) ไฟและภูเขาไฟ ภาคโรมัน คือ วัลแคน ในเทพปกรณัมกรีก ฮีฟีสตัสเป็นพระโอรสของซูสกับพระนางฮีรา หรือบางตำราก็ว่าท่านเกิดมาแต่เฉพาะเทวีฮีรา และมีแอฟโฟรไดทีเป็นชายา ฮิฟีสตัสเป็นเทพช่างตีเหล็ก ทรงประดิษฐ์อาวุธทั้งหมดของพระเจ้าบนโอลิมปัส พระองค์เป็นช่างตีเหล็กของเหล่าทวยเทพ และทรงได้รับการบูชาในศูนย์การผลิตและอุตสาหกรรมของกรีซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเอเธนส์ ลัทธิบูชาฮีฟีสตัสมีศูนย์กลางในเลมนอส ฮิฟีสตัสมีลักษณะเด่นคือเป็นเทพพิการ มีขาไม่สมประกอบ มีกริยาอาการเหมือนคนทุพพลภาพ และถือเครื่องมือช่างตลอดเวลา ท่านจึงได้รับฉายาเรียกหลายอย่างที่แสดงถึงลักษณะทางกายภาพอิหร่าน (เปอร์เซีย: ایران, อีรอน) หรือ เปอร์เซีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (เปอร์เซีย: جمهوری اسلامی ايران) เป็นประเทศในเอเชียตะวันตก มีเขตแดนติดกับประเทศอาร์มีเนีย สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคโดยพฤตินัย และอาเซอร์ไบจานทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดประเทศคาซัคสถานและรัสเซียโดยมีทะเลแคสเปียนคั่น ติดประเทศเติร์กเมนิสถานทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถานทางทิศตะวันออก ติดอ่าวเปอร์เซียและอ่าวโอมานทางทิศใต้ และติดประเทศตุรกีและอิรักทางทิศตะวันตก มีพื้นที่ดินแดน 1,648,195 ตารางกิโลเมตร เป็นประเทศใหญ่ที่สุดอันดับที่สองในตะวันออกกลางและอันดับที่ 18 ในโลก มีประชากร 78.4 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับที่ 17 ของโลก เป็นประเทศเดียวที่มีชายฝั่งทะเลแคสเปียนและมหาสมุทรอินเดีย ประเทศอิหร่านมีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์มาช้านานเนื่องจากที่ตั้งอยู่ในกลางยูเรเชียและเอเชียตะวันตก และอยู่ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ อิหร่านเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายที่มีกลุ่มชาติพันธุ์และภาษาต่าง ๆ มากมาย เปอร์เซียที่ใหญ่ที่สุด (61%) อาเซอร์ไบจาน (16%), เคิร์ด (10%) และ Lorestan (6%)
ประเทศอิหร่านเป็นที่ตั้งของอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เริ่มต้นด้วยการตั้งราชอาณาจักรก่อนเอลาไมต์และเอลาไมต์ใน 3200–2800 ปีก่อน ค.ศ. ชาวมีดส์ (Medes) อิหร่านรวบรวมพื้นที่เป็นจักรวรรดิแห่งแรก ๆ ใน 625 ปีก่อน ค.ศ. หลังจากนั้นมีดส์กลายเป็นชาติวัฒนธรรมและการเมืองที่ครอบงำในภูมิภาค อิหร่านเรืองอำนาจถึงขีดสุดระหว่างจักรวรรดิอะคีเมนิดซึ่งพระเจ้าไซรัสมหาราชทรงก่อตั้งใน 550 ปีก่อน ค.ศ. ซึ่งเมื่อแผ่อาณาเขตไพศาลที่สุดนั้นล้วนกินส่วนสำคัญของโลกโบราณ ตั้งแต่บางส่วนของคาบสมุทรบอลข่าน (เธรซ มาซิโดเนีย บัลแกเรีย พีโอเนีย) และยุโรปตะวันออกทางทิศตะวันตก จดลุ่มแม่น้ำสินธุทางทิศตะวันออก ทำให้เป็นจักรวรรดิใหญ่สุดในโลกในขณะนั้น จักรวรรดิล่มสลายใน 330 ปีก่อน ค.ศ. ให้หลังการพิชิตของอเล็กซานเดอร์มหาราช จักรวรรดิพาร์เธียกำเนิดขึ้นจากเถ้าถ่านแล้วต่อด้วยราชวงศ์แซสซานิดใน ค.ศ. 224 ซึ่งอิหร่านกลายเป็นชาตินำในโลกอีกครั้ง ร่วมกับจักรวรรดิโรมัน-ไบแซนไทน์ เป็นเวลากว่าสี่ศตวรรษ ค.ศ. 633 มุสลิมรอชิดีน (Rashidun) บุกครองอิหร่านและพิชิตได้ใน ค.ศ. 651 ซึ่งเข้าแทนที่ความเชื่อพื้นเมืองศาสนามาณีกีและศาสนาโซโรอัสเตอร์เป็นส่วนใหญ่ อิหร่านเป็นผู้มีส่วนสำคัญต่อยุคทองอิสลาม โดยผลิตนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ศิลปินและนักคิดทรงอิทธิพลจำนวนมาก การสถาปนาราชวงศ์ซาฟาวิดใน ค.ศ. 1501 ซึ่งส่งเสริมนิกายอิสนาอะชะรียะห์ (Twelver) เป็นศาสนาประจำชาติ เป็นเครื่องหมายจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดจุดหนึ่งในประวัติศาสตร์อิหร่านและมุสลิม เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1736 ภายใต้ชาห์นาเดอร์ อิหร่านมีอาณาเขตกว้างขวางที่สุดนับแต่จักรวรรดิแซสซานิด โดยเป็นจักรวรรดิที่แย้งได้ว่าทรงอำนาจที่สุดในโลกในเวลานั้นช่วงสั้น ๆ ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 อิหร่านเสียดินแดนหลายส่วนในคอเคซัสซึ่งถูกทำให้เป็นส่วนหนึ่งของมโนทัศน์อิหร่านหลายศตวรรษแก่จักรวรรดิรัสเซียเพื่อนบ้าน ความไม่สงบของประชาชนลงเอยด้วยการปฏิวัติรัฐธรรมนูญเปอร์เซีย ค.ศ. 1906 ซึ่งสถาปนาราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและมาฮ์จิส (Majles) หรือรัฐสภาแห่งแรกของประเทศ หลังรัฐประหารที่สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาปลุกปั่นใน ค.ศ. 1953 อิหร่านค่อย ๆ กลายเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกที่เหลือ ยังเป็นฆราวาส แต่เป็นอัตตาณัติเพิ่มขึ้น ๆ ความเห็นแย้งที่เพิ่มขึ้นต่ออิทธิพลของต่างประเทศและการกดขี่ทางการเมืองลงเอยด้วยการปฏิวัติ ค.ศ. 1979 ซึ่งทำให้มีการสถาปนาสาธารณรัฐอิสลามเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1979
กรุงเตหะรานเป็นเมืองหลวงและนครใหญ่สุดของประเทศ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจชั้นนำ ประเทศอิหร่านเป็นประเทศนำภูมิภาคและอำนาจปานกลางที่สำคัญ มีอิทธิพลพอสมควรในความมั่นคงทางพลังงานระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลกจากการมีปริมาณเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์สำรองขนาดใหญ่ ซึ่งมีปริมาณแก๊สธรรมชาติสำรองมากที่สุดในโลกและมีน้ำมันสำรองที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดเป็นอันดับสี่ มรดกทางวัฒนธรรมของประเทศสะท้อนบางส่วนจากการมีมรดกโลกของยูเนสโก 19 แห่ง ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในทวีปเอเชียและ 12 ในโลก ประเทศอิหร่านเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ องค์การความร่วมมือเศรษฐกิจ ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด องค์การความร่วมมืออิสลามและโอเปก ระบบการเมืองของประเทศยึดตามรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1979 ซึ่งมีส่วนที่เป็นประชาธิปไตยระบบรัฐสภากับเทวาธิปไตยโดยนักนิติศาสตร์อิสลามภายใต้มโนทัศน์ผู้นำสูงสุด เป็นประเทศพหุวัฒนธรรมที่ประกอบด้วยหลายกลุ่มชาติพันธุ์และภาษา โดยผู้อยู่อาศัยส่วนมากนับถือนิกายชีอะฮ์อย่างเป็นทางการและภาษาเปอร์เซียเป็นภาษาราชการ อาเซอร์ไบจานเป็นที่ตั้งของภูมิประเทศที่หลากหลาย กว่าครึ่งหนึ่งของทวีปอาเซอร์ไบจานประกอบด้วยภูเขาสันเขา , ยอด , ที่ราบสูงและที่ราบซึ่งเพิ่มขึ้นถึงระดับ hypsometric ของ 400-1000 เมตร (รวมทั้งระดับกลางและล่างที่ราบลุ่ม) ในบางสถานที่ (Talis, Jeyranchol-Ajinohur และ Langabiz-Alat foreranges ) สูงถึง 100–120 เมตรและอื่น ๆ ตั้งแต่ 0–50 เมตรขึ้นไป ( Qobustan, Absheron ) ภูมิประเทศส่วนที่เหลือของอาเซอร์ไบจานประกอบด้วยที่ราบและที่ราบลุ่ม เครื่องหมาย Hypsometric ในภูมิภาค Caucasus แตกต่างกันไปตั้งแต่ −28 เมตรที่ชายฝั่งทะเลแคสเปียนสูงถึง 4,466 เมตร (ยอดเขาBazardüzü) การก่อตัวของสภาพภูมิอากาศในอาเซอร์ไบจานได้รับอิทธิพลโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมวลอากาศเย็นอาร์กติก ของแอนติไซโคลนสแกนดิเนเวียมวลอากาศเย็นของไซบีเรียแอนติไซโคลนและแอนติไซโคลนในเอเชียกลาง ภูมิทัศน์ที่หลากหลายของอาเซอร์ไบจานส่งผลต่อการที่มวลอากาศเข้ามาในประเทศ Greater Caucasus ปกป้องประเทศจากอิทธิพลโดยตรงของมวลอากาศเย็นที่มาจากทางเหนือ ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนบนเชิงเขาและที่ราบส่วนใหญ่ของประเทศ ในขณะเดียวกันที่ราบและเชิงเขามีอัตราการแผ่รังสีดวงอาทิตย์
การก่อตัวของโครงสร้างของระบบการเมืองอาเซอร์ไบจานเสร็จสมบูรณ์โดยการยอมรับของใหม่รัฐธรรมนูญในวันที่ 12 พฤศจิกายน 1995 ตามมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญที่สัญลักษณ์ของรัฐของอาเซอร์ไบจานสาธารณรัฐเป็นธงที่แขนเสื้อและเพลงชาติอำนาจของรัฐในอาเซอร์ไบจานถูก จำกัด โดยกฎหมายสำหรับปัญหาภายในเท่านั้น แต่สำหรับกิจการระหว่างประเทศยังถูก จำกัด ด้วยบทบัญญัติของข้อตกลงระหว่างประเทศ รัฐธรรมนูญของอาเซอร์ไบจานระบุว่าเป็นสาธารณรัฐประธานาธิบดีที่มีอำนาจสามสาขา ได้แก่ ผู้บริหารนิติบัญญัติและตุลาการ อำนาจนิติบัญญัติจัดขึ้นโดยสมัชชาแห่งชาติหน่วยเดียว และที่ประชุมใหญ่สูงสุดแห่งชาติในสาธารณรัฐปกครองตนเองนัคชิวาน รัฐสภาของอาเซอร์ไบจานเรียกว่า Milli Majlis ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 125 คนที่ได้รับการเลือกตั้งจากคะแนนเสียงข้างมากโดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีสำหรับสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งแต่ละคน การเลือกตั้งจะจัดขึ้นทุก ๆ ห้าปีในวันอาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน รัฐสภาไม่รับผิดชอบต่อการจัดตั้งรัฐบาล แต่รัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะรัฐมนตรีของรัฐมนตรีได้รับความเห็นชอบโดย Milli Majlis พรรคอาเซอร์ไบจานใหม่และที่ปรึกษาที่ภักดีต่อรัฐบาลปกครองปัจจุบันมีที่นั่งเกือบทั้งหมด 125 ที่นั่งของรัฐสภา
ในระหว่างการเลือกตั้งรัฐสภาปี 2010พรรคฝ่ายค้านMusavatและAzerbaijani Popular Front Partyล้มเหลวในการคว้าที่นั่งเดียว ผู้สังเกตการณ์ยุโรปพบความผิดปกติต่าง ๆ นานาในการทำงานขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งและในวันเลือกตั้ง อำนาจบริหารจะจัดขึ้นโดยประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นระยะเวลาเจ็ดปีโดยการเลือกตั้งโดยตรงและนายกรัฐมนตรีประธานาธิบดีมีอำนาจในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีคณะผู้บริหารโดยรวมซึ่งรับผิดชอบต่อทั้งประธานาธิบดีและรัฐสภา คณะรัฐมนตรีของอาเซอร์ไบจานประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่และรัฐมนตรีเป็นหลัก ประธานาธิบดีไม่มีสิทธิ์ยุบสภาแห่งชาติ แต่มีสิทธิยับยั้งการตัดสินใจของตน ในการลบล้างการยับยั้งประธานาธิบดีรัฐสภาต้องมีคะแนนเสียงข้างมาก 95 เสียง อำนาจตุลาการจะตกเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ , ศาลฎีกาและศาลทางเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีเสนอชื่อผู้พิพากษาในศาลเหล่านี้รายงานของ European Commission for the Efficiency of Justice (CEPEJ) อ้างถึงรูปแบบความยุติธรรมของอาเซอร์ไบจันเกี่ยวกับการคัดเลือกผู้พิพากษาใหม่เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดซึ่งสะท้อนถึงคุณลักษณะเฉพาะและแนวทางการพัฒนาเพื่อรับรองความเป็นอิสระและคุณภาพของตุลาการในระบอบประชาธิปไตยใหม่